การปลูกผักในภาชนะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่มีพื้นที่จำกัดหรืออยากเริ่มต้นทำเกษตรในบ้าน การเลือกภาชนะให้เหมาะสมกับพืชและพื้นที่ที่เรามีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะภาชนะที่ดีไม่เพียงช่วยให้ผักเติบโตได้ดี แต่ยังเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ของเราอีกด้วย มาดูกันว่ามีภาชนะประเภทไหนบ้างที่เหมาะกับการปลูกผักและข้อดีข้อเสียของแต่ละแบบคืออะไร
เคล็ดลับการเลือกภาชนะ การเลือกภาชนะสำหรับปลูกผักเป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้พืชเจริญเติบโตได้ดี และทำให้การดูแลสะดวกขึ้น การเลือกภาชนะที่เหมาะสมต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ดังนี้
- ขนาดของภาชนะสำคัญมาก ภาชนะต้องมีขนาดเหมาะสมกับชนิด
– พืชผักรากตื้น เช่น ผักสลัด กะเพรา ใช้กระถางตื้นหรือเล็กก็เพียงพอ
– ผักรากลึก เช่น มะเขือเทศ แครอท ควรเลือกภาชนะลึกและใหญ่ - การระบายน้ำ
– ภาชนะที่ดีต้องมีรูระบายน้ำ เพื่อป้องกันน้ำขังซึ่งอาจทำให้รากเน่า
– หากใช้ภาชนะรีไซเคิล เช่น ขวดพลาสติกหรือถังเก่า อย่าลืมเจาะรูระบายน้ำที่ก้นภาชนะ - วัสดุของภาชนะ
– กระถางดินเผา ระบายอากาศดี แต่เปราะบาง
– กระถางพลาสติก น้ำหนักเบา ราคาถูก แต่ระบายอากาศน้อย
– กระถางผ้า ระบายอากาศและความชื้นได้ดี เหมาะกับพืชที่ต้องการการระบายราก
– ภาชนะรีไซเคิล เช่น ลังไม้ ขวดพลาสติก ช่วยลดขยะและเพิ่มความสร้างสรรค์ - ความสะดวกในการจัดวาง
– หากต้องเคลื่อนย้ายบ่อย ควรเลือกภาชนะที่เบา เช่น กระถางพลาสติกหรือถุงปลูก
– สำหรับสวนแนวตั้งหรือพื้นที่จำกัด ลองใช้ขวดพลาสติกแขวนหรือชั้นปลูกแบบติดผนัง - การป้องกันความร้อนและแสงแดด
– วัสดุที่ทึบแสง เช่น พลาสติกสีเข้ม ช่วยป้องกันไม่ให้รากโดนแสงมากเกินไป
– กระถางโลหะหรือถังเหล็กเก่า อาจเก็บความร้อน ทำให้รากพืชเสียหาย - งบประมาณ
– ภาชนะราคาแพงไม่ได้หมายความว่าผักจะงามเสมอไป
– ลองใช้วัสดุรอบตัว เช่น ขวดน้ำ ขันเก่าหรือถังน้ำที่ไม่ได้ใช้เพื่อช่วยประหยัด
การปลูกผักในภาชนะกำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนรักการเกษตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนเมืองหรือผู้ที่มีพื้นที่จำกัด เพราะนอกจากจะได้ผักสดปลอดสารพิษแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสดชื่นและสวยงามให้กับพื้นที่ได้อีกด้วย แต่จะปลูกผักในภาชนะอะไรดี? ลองมาดูไอเดียที่เหมาะกับการปลูกผักหลากหลายชนิด พร้อมเทคนิคการเลือกภาชนะให้เหมาะสม
1) กระถางดินเผา ทำมาจากดินเหนียวปั้นให้มีรูปทรงต่างๆ เป็นกระถางที่ได้รับความนิยมมาก ระบายน้ำและระบายอากาศได้เป็นอย่างดี และยังช่วยกักเก็บความชื้นได้อย่างเหมาะสมอีกด้วย ดังนั้น จึงเหมาะสำหรับการปลูกพืชในทุกๆ ชนิด เช่น ผักที่ไม่ชอบน้ำขัง อย่างโหระพา ต้นหอม เป็นต้น
ข้อดี
- ช่วยระบายอากาศและความชื้นในดิน กระถางดินเผามีคุณสมบัติพรุน ช่วยให้อากาศถ่ายเทเข้าสู่รากต้นไม้ได้ดี ลดปัญหาน้ำขังในดิน ป้องกันรากเน่า
- รักษาอุณหภูมิของดิน กระถางดินเผาสามารถดูดซับความร้อนในตอนกลางวันและคายความร้อนในตอนกลางคืน ทำให้ดินมีอุณหภูมิคงที่
- เพิ่มความสวยงามให้สวน กระถางดินเผามีลวดลายและสีสันที่เป็นธรรมชาติ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและสบายตาให้พื้นที่ปลูก
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วัสดุดินเผาเป็นธรรมชาติ ย่อยสลายได้ง่ายเมื่อเสื่อมสภาพ ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
- เหมาะสำหรับการปลูกพืชหลายประเภท กระถางดินเผาเหมาะสำหรับทั้งพืชขนาดเล็กและใหญ่ เช่น สมุนไพร ไม้ดอกและต้นไม้ฟอกอากาศ
วิธีการปลูกต้นไม้ในกระถางดินเผา
1. เลือกกระถางที่เหมาะสม ใช้กระถางที่มีรูระบายน้ำที่ก้น และเลือกขนาดให้เหมาะสมกับพืชที่ปลูกสำหรับต้นไม้ขนาดเล็ก เช่น สมุนไพร ใช้กระถางเส้นผ่านศูนย์กลาง 15-20 ซม. สำหรับไม้ใหญ่ เช่น ต้นเฟื่องฟ้า ใช้กระถางขนาด 30-50 ซม.
2. เตรียมดินปลูก ใช้ดินร่วนผสมกับวัสดุอินทรีย์ เช่น ปุ๋ยหมักหรือมูลสัตว์ เพื่อเพิ่มธาตุอาหารหรือผสมทรายหยาบหรือกาบมะพร้าวเพื่อช่วยให้ดินระบายน้ำได้ดี
3. วางระบบระบายน้ำ รองก้นกระถางด้วยหินกรวดหรือเศษดินเผาเพื่อป้องกันดินอุดตันรูระบายน้ำ
4. ปลูกต้นไม้ วางต้นไม้ในกระถาง เติมดินให้พอดีกับระดับราก กดดินให้แน่นแต่ไม่แข็งจนเกินไป
5. ตั้งกระถางในที่เหมาะสม วางกระถางในตำแหน่งที่ได้รับแสงแดดเพียงพอตามความต้องการของต้นไม้แต่ละชนิด
2) กระถางพลาสติก เป็นกระถางที่ทำมาจากพลาสติกเนื้อแข็งอย่างดี มีความแข็งแรง ทนทาน มีน้ำหนักเบา มีขนาดและรูปแบบหลากหลายและเป็นวัสดุที่ใช้งานง่ายๆ เหมาะสำหรับการปลูกแบบแขวนที่ระเบียงหรือชานบ้านอีกด้วย ที่อาจจะต้องมีการเคลื่อนย้ายต้นไม้ออกมารับแสงบ้างเป็นครั้งคราว เหมาะสำหรับผักที่ต้องการความชุ่มชื้น เช่น ผักกาดขาว คะน้า กระถางพลาสติกเป็นอีกหนึ่งทางเลือกยอดนิยมสำหรับการปลูกผักในบ้านหรือพื้นที่จำกัด ด้วยความสะดวกสบายและความสามารถในการนำกลับมาใช้ซ้ำ กระถางพลาสติกจึงเหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นทำสวนเล็กๆ และต้องการวิธีที่ง่ายและคุ้มค่า
ข้อดี
- ประหยัดพื้นที่ กระถางพลาสติกมีหลายขนาด สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับพื้นที่ เช่น ระเบียงบ้าน ริมหน้าต่างหรือมุมว่างในสวน
- น้ำหนักเบาและเคลื่อนย้ายง่าย กระถางพลาสติกมีน้ำหนักเบา สามารถย้ายไปยังตำแหน่งที่เหมาะสมกับการรับแสงแดดหรือป้องกันฝนได้ง่าย
- ประหยัดค่าใช้จ่าย กระถางพลาสติกมีราคาถูกกว่าแบบอื่น เช่น กระถางเซรามิกหรือกระถางดินเผา และหากใช้กระถางเก่าหรือรีไซเคิล จะช่วยลดต้นทุนได้มากขึ้น
- ใช้งานได้หลากหลาย กระถางพลาสติกเหมาะสำหรับปลูกผักได้หลายประเภท เช่น ผักสลัด กวางตุ้ง โหระพา หรือแม้กระทั่งผักรากลึก เช่น พริก มะเขือเทศ
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การนำกระถางพลาสติกที่ไม่ได้ใช้งานกลับมาใช้ซ้ำช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกและส่งเสริมแนวทางการรีไซเคิล
เคล็ดลับการดูแลผักในกระถางพลาสติก
1.ใช้กระถางสีอ่อนหากปลูกในที่แดดจัด เพื่อป้องกันไม่ให้กระถางดูดความร้อนมากเกินไป
2.ใช้จานรองกระถางเพื่อป้องกันน้ำไหลเลอะพื้น แต่ต้องระวังไม่ให้มีน้ำขังในจานรอง
3.หากปลูกผักหลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน ให้เว้นระยะห่างระหว่างกระถางเพื่อให้ผักได้รับแสงและอากาศหมุนเวียนเพียงพอ
3) ถังน้ำเก่า หรือถังพลาสติกรีไซเคิล เป็นการนำถังน้ำเก่าหรือถังพลาสติกรีไซเคิลมาดัดแปลงเป็นกระถางปลูกผัก โดยเฉพาะผัก
ที่มีรากลึก เช่น มะเขือเทศและพริก ซึ่งต้องการพื้นที่สำหรับการเจริญเติบโตของรากและการสะสมสารอาหาร
ข้อดี
- ประหยัดต้นทุน ถังพลาสติกเก่าที่ไม่ได้ใช้งาน เช่น ถังน้ำดื่ม 20 ลิตร ถังสีหรือถังน้ำมัน สามารถหาได้ในราคาถูก หรืออาจนำของที่มีอยู่แล้วมาปรับใช้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการซื้อกระถางใหม่
- ลดปัญหาขยะพลาสติก การนำถังพลาสติกกลับมาใช้ซ้ำเป็นการช่วยลดปริมาณขยะที่ต้องกำจัดและเป็นการสนับสนุนแนวคิดรีไซเคิลเพื่อสิ่งแวดล้อม
- เหมาะสำหรับผักรากลึก ถังพลาสติกมีความลึกเพียงพอสำหรับผักอย่างมะเขือเทศและพริก ซึ่งต้องการพื้นที่สำหรับระบบรากในการดูดซึมสารอาหารและน้ำ
- เคลื่อนย้ายสะดวก ถังพลาสติกสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายเมื่อเทียบกับการปลูกลงดิน ช่วยให้สามารถปรับตำแหน่งตามแสงแดดได้
วิธีการดัดแปลงถังพลาสติกสำหรับปลูกผักรากลึก
1. เลือกถังพลาสติกที่เหมาะสม ควรใช้ถังที่มีความลึกประมาณ 30-40 เซนติเมตร เพื่อให้รากเจริญเติบโตได้ดี ตรวจสอบความสะอาด หากเป็นถังที่เคยบรรจุสารเคมี ควรล้างให้สะอาดหลายครั้ง
2. เจาะรูระบายน้ำ ใช้สว่านหรืออุปกรณ์เจาะรูที่ก้นถังและด้านข้างบริเวณใกล้ก้นเพื่อป้องกันน้ำขัง ซึ่งอาจทำให้รากเน่า
3. เตรียมดินปลูก ใช้ดินปลูกที่มีคุณสมบัติระบายน้ำดี ผสมกับปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เช่น มูลไก่ หรือเศษอาหารที่ย่อยสลายแล้ว เพื่อเพิ่มธาตุอาหารในดิน
4. ปลูกผักและดูแลรักษา ปลูกต้นมะเขือเทศหรือพริกในถังและจัดวางในที่ที่ได้รับแสงแดดอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง ควรรดน้ำอย่างสม่ำเสมอ แต่อย่าให้น้ำขัง
4) กระบะไม้หรือลังไม้ กระบะไม้หรือลังไม้มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ผสมผสานความเป็นธรรมชาติ ความยั่งยืนและความสวยงามได้อย่างลงตัว เหมาะสำหรับผักสวนครัวขนาดเล็ก เช่น ผักชี กะเพรา
ข้อดี
- ดูเป็นธรรมชาติและสวยงาม กระบะไม้มีโทนสีอบอุ่นและลายไม้ที่เข้ากับบรรยากาศของสวนหรือมุมพักผ่อน เหมาะสำหรับการตกแต่งพื้นที่ให้ดูมีสไตล์ เช่น สวนแนวชนบท (Rustic) หรือสวนแนวโมเดิร์น
- รักษาสิ่งแวดล้อม การใช้ลังไม้เก่าหรือกระบะไม้ที่ไม่ได้ใช้งานช่วยลดการทิ้งขยะและสนับสนุนการรีไซเคิล ไม้เป็นวัสดุที่ย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ
- ระบายอากาศได้ดี กระบะไม้ช่วยให้ดินในกระถางระบายอากาศได้ดีขึ้น ลดความเสี่ยงของดินอัดแน่นและรากเน่า
- ปรับขนาดและรูปแบบได้หลากหลาย สามารถทำกระบะไม้ในขนาดที่เหมาะสมกับต้นไม้หรือพื้นที่ที่มีใช้ปลูกพืชหลากหลายชนิด เช่น ผักสวนครัว สมุนไพร ดอกไม้หรือไม้ประดับ
- แข็งแรงและทนทาน กระบะไม้ที่ทำจากไม้แข็ง เช่น ไม้พาเลทหรือไม้เนื้อแข็ง สามารถใช้งานได้หลายปี หากดูแลรักษาอย่างเหมาะสมวิธีการเตรียมกระบะไม้หรือลังไม้สำหรับปลูกต้นไม้
1. เลือกกระบะไม้ที่เหมาะสม เลือกขนาดและความลึกของกระบะไม้ตามชนิดของต้นไม้ เช่น กระบะตื้น (10-15 ซม.) สำหรับผักใบหรือสมุนไพร กระบะลึก (30-40 ซม.) สำหรับพืชรากลึก เช่น มะเขือเทศ หรือแตงกวา
2. เตรียมป้องกันการผุ ทาน้ำยารักษาเนื้อไม้หรือบุด้วยแผ่นพลาสติกด้านในกระบะเพื่อป้องกันไม่ให้ไม้เสื่อมสภาพเร็วจากความชื้น
3. เจาะรูระบายน้ำ หากก้นกระบะไม้ไม่มีช่องระบาย ควรเจาะรูที่ก้นหรือด้านล่างเพื่อป้องกันน้ำขังรองก้นกระบะ ใส่ชั้นกรวดหรือหิน
4. รองก้นกระบะเพื่อช่วยในการระบายน้ำและป้องกันดินไหลออก
5. เติมดินปลูก ใช้ดินผสมคุณภาพดีที่เหมาะกับต้นไม้ชนิดนั้น เช่น ดินร่วนผสมปุ๋ยคอกสำหรับผัก หรือดินปลูกดอกไม้สำหรับไม้ประดับ
5) ขวดพลาสติกรีไซเคิล การใช้ขวดพลาสติกในการปลูกผักเป็นวิธีที่สร้างสรรค์และช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกในสิ่งแวดล้อม เหมาะสำหรับผู้ที่อยากปลูกผักไว้รับประทานเองแต่มีพื้นที่จำกัด หรือผู้ที่ต้องการสร้างมุมสวนเล็กๆ ด้วยวัสดุรีไซเคิล เหมาะสำหรับ ผักอายุสั้น เช่น ผักบุ้ง ผักชีลาว
ข้อดี
- ช่วยลดขยะและส่งเสริมการรีไซเคิล ขวดพลาสติกใช้แล้วสามารถนำกลับมาสร้างประโยชน์ใหม่ ช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกที่ก่อให้เกิดมลพิษ
- ประหยัดค่าใช้จ่าย ไม่ต้องซื้อกระถางหรือภาชนะปลูกใหม่ ใช้ขวดน้ำพลาสติกที่มีอยู่แทน
- ประหยัดพื้นที่ สามารถแขวนหรือวางขวดพลาสติกในแนวตั้ง ทำให้ปลูกพืชได้ในพื้นที่จำกัด เช่น ริมระเบียงหรือกำแพง
- ดูแลง่ายและสะดวก ขวดพลาสติกมีน้ำหนักเบา เคลื่อนย้ายสะดวกและดูแลทำความสะอาดง่าย
- ปรับแต่งได้หลากหลาย ตัดและดัดแปลงขวดให้เหมาะสมกับพืชที่ต้องการปลูก เช่น ตัดขวดครึ่งหนึ่งสำหรับปลูกพืชเล็กๆ หรือใช้ทั้งขวดสำหรับพืชรากยาว
วิธีการใช้ขวดพลาสติกปลูกผัก
1. เลือกขวดพลาสติกที่เหมาะสม ใช้ขวดน้ำพลาสติกทั่วไป เช่น ขวดขนาด 1 ลิตร หรือ 1.5 ลิตร ขึ้นอยู่กับชนิดของพืช
2. เตรียมขวดพลาสติก ล้างทำความสะอาดขวด และตัดตามลักษณะที่ต้องการ เช่น
ตัดขวาง: เหมาะสำหรับปลูกพืชใบหรือพืชรากสั้น
ตัดแนวตั้ง: ใช้แขวนเป็นแถวสำหรับปลูกพืชในแนวตั้ง
3. เจาะรูระบายน้ำ เจาะรูที่ก้นขวดหรือด้านข้างเพื่อป้องกันน้ำขัง
4. เติมดินปลูก ใช้ดินปลูกผสมปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยคอก เติมดินประมาณ 2 ใน 3 ของขวด
ไม่ว่าคุณจะเลือกภาชนะประเภทไหน การปลูกผักในพื้นที่เล็กๆ ก็เป็นไปได้ และที่สำคัญคือการได้ลงมือปลูกและดูแลด้วยตัวเอง ช่วยให้คุณได้กินผักที่สด สะอาดและภูมิใจในทุกๆ ขั้นตอน ลองเริ่มต้นจากสิ่งที่มีอยู่ใกล้ตัว แล้วเติมเต็มสวนผักเล็กๆ ให้บ้านของคุณดูมีชีวิตชีวาขึ้นกันเถอะ