ค้นหา

ใช้หลักวิศวะปลูกมะเขือเทศหลากสี ผลผลิต 100% เก็บขายกิโลกรัมละ 200 บาท

เทคโนโลยีชาวบ้าน/ธาวิดา ศิริสัมพันธ์
เข้าชม 80 ครั้ง

การทำเกษตรกรรมถือเป็นเรื่องที่ยากและง่ายอยู่ในคราวเดียวกัน เพราะถ้าหากปฏิบัติโดยที่ไม่ศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล หรือไม่มีความอดทน การทำเกษตรกรรมก็จะกลายเป็นเรื่องที่ยากทันที แต่ในทางกลับกันถ้าก่อนที่จะลงมือทำมีการศึกษาและปฏิบัติอย่างเข้าใจในทุกกระบวนอย่างถูกต้อง การทำเกษตรกรรมก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย และประสบความสำเร็จได้เร็ว ดังเช่นหนุ่มวิศวกร เมืองมะขามหวานท่านนี้ ที่ใช้เวลาในการค้นคว้าทดลองขั้นตอนกระบวนการปลูกพืชจนเข้าใจ และประสบผลสำเร็จสามารถปลูกพืชผัก-มะเขือเทศให้เจริญเติบโตเต็มที่

คุณธนากร ทองศักดิ์ หรือ คุณหนึ่ง เจ้าของ Believe Farm เพชรบูรณ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลยางงาม อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ หนุ่มวิศวกร จับพลัดจับผลูมาเป็นเกษตรกรวันว่าง ปลูกพืชผักและมะเขือเทศหลากสีสร้างรายได้เสริม ด้วยการใช้เทคนิคการทำความเข้าใจธรรมชาติของพืช การวางแผนอย่างเป็นระบบ และการนำความรู้ด้านวิศวะเข้ามาใช้จัดการปลูกพืชภายในฟาร์ม ประหยัดเวลา รายได้เพิ่ม ผลผลิตได้คุณภาพ

คุณหนึ่ง เล่าให้ฟังว่า ก่อนที่จะมาปลูกผักเป็นอาชีพเสริม ตนเองประกอบอาชีพเป็นวิศวกรมาก่อน แต่มีเหตุจำเป็นทำให้ต้องลาออกจากงานประจำเพื่อกลับมาดูแลพ่อที่ป่วย ประกอบกับที่บ้านมีพื้นที่ว่างอยู่จำนวนหนึ่งจึงตัดสินใจลุยทำเกษตรจนเข้าใจในกระบวนการปลูกพืชอย่างถ่องแท้ โดยปัจจุบันที่ฟาร์มสามารถดำเนินการปลูกผักได้โดยที่ไม่ต้องอยู่ดูแลสวนตลอดทั้งวัน ทำให้มีเวลาพอที่จะกลับไปสมัครงานประจำเป็นวิศวกรเหมือนเดิม เพราะงานสวนเมื่อระบบจัดการเรียบร้อย ก็แทบไม่ต้องดูแลอะไรมาก ปล่อยให้ระบบที่วางแผนไว้จัดการ โดยอาศัยคนงาน 1 คนในการดูแลและทำตามแผนที่เราวางไว้

“ที่ผมบอกว่าตอนนี้มีเวลาเหลือพอที่จะกลับไปทำงานประจำแล้วเพราะการจัดการวางแผนอย่างเป็นระบบ คือเรามีความรู้ความเข้าใจพื้นฐานการปลูกพืชมากพอสมควรทำให้เราสามารถจัดการระบบการปลูกและการดูแลสวนได้ง่าย เช่น การปลูกพืชแต่ละครอป เราจะวางแผนไว้ตั้งแต่แรกว่าจะเริ่มเพาะเมล็ดตอนไหน ลงปลูกเมื่อไหร่ และต้องดูแลจัดการยังไง เพื่อให้ผลผลิตออกมาอย่างสม่ำเสมอ โดยที่ไม่ต้องอยู่หน้างานแต่งานยังดำเนินต่อไปได้ เป็นการวางแผนของผมที่ใช้หลักความคิดแบบวิศวกรเข้ามาประยุกต์ใช้ คือการคิดอย่างเป็นระบบ โดยมีคุณลุงที่ทำงานด้วยกันตั้งแต่แรกเป็นคนปฏิบัติ ส่วนผมมีหน้าที่ในการวางแผนการปลูก และวางแผนช่วงเวลาการบำรุงใส่ปุ๋ยอย่างถูกต้องให้เท่านั้น ส่วนเรื่องของเทคโนโลยีหรือนวัตกรรม จะเป็นการช่วยย่นระยะเวลาการทำงานให้เร็วขึ้น แต่ความเข้าใจขั้นพื้นฐานต้องมีก่อน”… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่

ปลูกมะเขือเทศหลากสีตามฤดูกาล
เจริญเติบโตดี เก็บผลผลิตได้ 100%

ถึงแม้ว่าอาชีพเกษตรจะทำเป็นเพียงอาชีพเสริม แต่คุณหนึ่ง บอกว่า การดูแลเอาใจใส่ของที่ฟาร์มไม่เคยขาดตกบกพร่อง เพราะเข้าใจธรรมชาติของการเจริญเติบโตของพืชเป็นอย่างดี ว่าการจะปลูกพืชผัก ผลไม้แต่ละชนิด ความพิถีพิถันเอาใจใส่ต้องมาอันดับหนึ่งเสมอ โดยปัจจุบันที่ Believe Farm จะปลูกผักสลัด ผักเคล และมะเขือเทศอยู่ 3 สายพันธุ์หลักๆ ได้แก่ มะเขือเทศราชินีโทนี่ ผลสีแดง, มะเขือเทศชายนี่ควีน ผลสีเหลือง เป็นสายพันธุ์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่นที่ร่วมพัฒนาสายพันธุ์กับ สวทช., มะเขือเทศท้อ ผลใหญ่ เนื้อเยอะ และมะเขือเทศโซลาริโน่ เป็นสายพันธุ์ที่กำลังเริ่มทดลองปลูก โดยที่ฟาร์มจะเลือกปลูกมะเขือเทศเฉพาะในฤดูกาลเพียงเท่านั้น 1 ปี ปลูกมะเขือเทศ 2 ครอป เพื่อให้การจัดการดูแลง่าย และได้ผลผลิตออกมาได้คุณภาพมากที่สุด

ซึ่งความน่าสนใจของมะเขือเทศคือความยาก ด้วยช่วงระยะเวลาตั้งแต่ติดดอกไปจนถึงการเก็บเกี่ยวผลผลิต ถ้าไม่เข้าใจกระบวนการว่ามะเขือเทศ 1 ต้น มีอายุเท่าไหร่ และในแต่ละช่วงต้องบำรุงรดน้ำใส่ปุ๋ยอย่างไร หรือบำรุงธาตุอาหารเสริมช่วงไหน เพื่อให้ผลผลิตออกมาสมบูรณ์ ก็ไม่สามารถปลูกมะเขือเทศให้ประสบผลสำเร็จได้

“คือถ้าเราไม่สังเกตตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ด จนติดลูก เราจะไม่รู้กระบวนการตรงนี้เลย เพราะฉะนั้นความน่าสนใจของการปลูกมะเขือเทศสำหรับผมคือความยาก ไม่เหมือนกับการปลูกผัก พอถึงอายุ 30-40 วันตัดขาย แต่มะเขือเทศถ้าเราปลูกครั้งหนึ่งอายุเขาจะยาวประมาณ 7-8 เดือน ถ้าเราบำรุงดี ก็จะอยู่ได้ยาว ตรงนี้ต้องอาศัยคนที่เข้าใจจริงๆ เข้าใจทุกช่วงการเติบโตของเขา ความน่าสนใจเลยอยู่ตรงที่ว่าใครให้ความใส่ใจมากกว่ากัน ถ้าเราบำรุงดินดีเราก็จะเก็บผลผลิตได้นาน 3-4 เดือน แต่ถ้าเราไม่ได้ใส่ใจเขาออกให้เก็บแค่ 1-2 เดือน แล้วต้นจะโทรมหมดรุ่นไป”

และนอกจากความน่าสนใจคือการดูแลเอาใจใส่ที่ดีแล้ว มะเขือเทศยังมีข้อดีในแง่ของการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรที่ปลูกแล้วขายได้แน่นอน โดยเฉพาะการปลูกแบบออร์แกนิก จะยิ่งทำให้เกษตรกรสามารถขายได้ในราคาที่สูงยิ่งขึ้น และอีกข้อดีถัดมาคือมะเขือเทศเป็นพืชที่ปลูกครั้งเดียวเก็บเกี่ยวได้นาน โดยไม่ต้องปลูกใหม่ซ้ำเรื่อยๆ มีผลผลิตขายได้ทุกสัปดาห์ ในปัจจุบันที่ฟาร์มขายมะเขือเทศราคาเริ่มต้นที่กิโลกรัมละ 200-300 บาท แต่ถ้าเป็นมะเขือเทศท้อที่มีขนาดผลใหญ่ เนื้อเยอะ น้ำหนักดี ที่ฟาร์มจะขายในราคากิโลกรัมละ 80-90 บาท โดยจุดเด่นมะเขือเทศของที่ฟาร์มคือปลูกแบบออร์แกนิก รสชาติหวาน กรอบ ทุกสายพันธุ์ เก็บได้นาน การันตีจากลูกค้าที่เคยซื้อไปแล้วส่วนใหญ่กลับมาซื้อซ้ำเกือบทุกราย

เทคนิคการปลูกมะเขือเทศ
ให้เก็บผลผลิตได้นาน 3 เดือน

สำหรับเทคนิคการปลูกมะเขือเทศยังไงให้สามารถเก็บผลผลิตได้นานถึง 3 เดือน คุณหนึ่ง อธิบายว่า ขึ้นอยู่กับหลายองค์ประกอบด้วยกัน เริ่มจากการวางแผนการปลูก ที่ได้นำความรู้ด้านวิศวกรมาใช้ในการวางระบบ ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผนการปลูก ว่าต้องการอยากให้มะเขือเทศออกช่วงไหน เช่น อยากให้ผลผลิตออกช่วงปีใหม่ เพื่อให้ลูกค้าได้ซื้อเป็นของฝาก ควรจะต้องวางแผนเพาะเมล็ดตอนไหน วางแผนการเตรียมดินเมื่อไหร่ เพื่อให้แมชกับการทำงานของเราด้วยเนื่องจากทางฟาร์มมีทรัพยากรคนน้อยจำเป็นต้องจัดการวางแผนให้เหมาะสมและรัดกุมมากที่สุด ส่วนเรื่องของเทคโนโลยี Believe Farm ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานเกษตรจังหวัดเพชรบูรณ์ในส่วนของโรงเรือนอัจฉริยะที่สามารถวัดค่าดิน ค่าปุ๋ยได้ วัดอุณหภูมิ ระบบสั่งการเปิด-ปิดน้ำอัตโนมัติ ทำให้สามารถควบคุมปัจจัยความเสี่ยงได้หลายๆ อย่าง และประหยัดเวลาได้มากขึ้น

โดยมะเขือเทศจะใช้เวลาตั้งแต่เริ่มปลูกจนถึงอายุ 90 วัน จะเริ่มออกดอก และเริ่มเก็บผลได้ชุดแรกประมาณ 120 วัน หรือประมาณ 4 เดือน แล้วหลังจากนั้นอีก 3 เดือน จะเป็นช่วงของการเก็บผลผลิต ช่วงนี้เป็นช่วงที่สำคัญมากต้องมีการดูแลเอาใส่ใจเป็นอย่างดีและทั่วถึง

การเพาะกล้า จะนำเมล็ดมาเพาะในถาดก่อนประมาณ 20-25 วัน หลังจากเพาะเมล็ดเสร็จแล้วจะย้ายต้นกล้าลงถุงดำเล็กก่อน จากนั้นเมื่อต้นกล้าสูงได้ประมาณ 20-25 เซนติเมตร จึงค่อยทำการย้ายลงถุงปลูกจริง ซึ่งการย้ายต้นกล้าลงถุงดำก่อนปลูกถือเป็นเทคนิคหนึ่งในการปลูกมะเขือเทศให้ได้ผลผลิตชัวร์ 100%

“ถ้าหากเราทำการย้ายต้นกล้าจากถาดเพาะลงถุงปลูกจริงเลย ด้วยต้นกล้ายังเล็ก ความแข็งแรงสมบูรณ์ของต้นยังไม่เพียงพอ จะทำให้โดนแมลงมาทำลายกัดกินต้น เกิดความเสียหายได้ง่าย เราจึงแนะนำให้เลี้ยงต้นกล้าในถุงดำก่อนประมาณ 2 สัปดาห์ ให้ต้นแข็งแรงก่อน แล้วพอต้นแข็งแรงปุ๊บจะไม่มีคำว่าตาย เพียงแค่จะเพิ่มงานให้เรามากขึ้นในขั้นตอนการย้ายถุง แต่ชัวร์ว่าปลูก 100 ต้น ก็รอด 100 ต้น ไม่ต้องเสียเวลาปลูกซ่อม”

การเตรียมดิน มะเขือเทศเป็นพืชที่ต้องการปุ๋ยและต้องการแร่ธาตุในดินเยอะ เนื่องจากต้องเอาไปช่วยในการสร้างดอกและออกผล เพราะฉะนั้นขั้นตอนการปรุงดินก่อนปลูกก็สำคัญเพราะยิ่งถ้าดินมีความสมบูรณ์อุดมไปด้วยแร่ธาตุ มะเขือเทศก็จะออกผลผลิตให้เก็บได้นาน และมีรสชาติดี หวาน กรอบ ผลใหญ่ น้ำหนักดี โดยขั้นตอนการเตรียมดินปลูกมีดังนี้

เริ่มจากการใช้ดินในพื้นที่มาหมักกับมูลสัตว์ จะเป็นมูลหมูหรือมูลวัวก็ได้ เอาที่หาได้ง่ายในพื้นที่ นำมาหมักกับดินไว้ประมาณ 30-40 วัน ทำให้จุลินทรีย์ในดินหรืออินทรียวัตถุ ที่เราผสมเพิ่มทำงานสมบูรณ์ ดินก็จะร่วนซุยมีช่องว่าง ทำให้มีอากาศหมุนเวียนในดินได้ดี รากก็จะเดินดี จุลินทรีย์จะปลดปล่อยธาตุอาหารที่ได้จากการย่อยสลาย แล้วทำการปลูก โดยจะใส่ถุงปลูกหรือว่าใช้วิธีการโรยที่แปลงแล้วคลุมผ้าปลูกในแปลงเลยก็ได้ สามารถทำได้ 2 วิธี ให้ดูที่ความเหมาะสม

ระบบน้ำ ที่ฟาร์มใช้ 2 ระบบ คือระบบน้ำหยด และระบบแมนนวลเดินรดด้วยสายยาง สำหรับพื้นที่ที่ยังเดินระบบน้ำหยดไม่ถึง โดยระยะเวลาในการรดน้ำช่วงต้นยังเล็กรดน้ำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หลังจากนั้นเมื่อต้นมะเขือเทศเริ่มสมบูรณ์แข็งแรงค่อยลดการให้น้ำเหลือวันละครั้ง พร้อมกับการปล่อยน้ำหมักปลาบำรุงไปพร้อมกับน้ำอาทิตย์ละ 1-2 ครั้ง

การบำรุงใส่ปุ๋ย หลังจากย้ายต้นกล้าลงถุงปลูกจนถึง 80 วัน จะเป็นช่วงที่มะเขือเทศกำลังเจริญเติบโต ต้องใส่ใจบำรุงใส่ปุ๋ยให้เต็มที่ด้วยน้ำหมักปลาอัตราส่วน 1 ลิตรต่อน้ำ 200 ลิตร ใส่ฝักบัวเดินรดเพิ่มเติมจากตอนที่ปล่อยไปพร้อมกับระบบน้ำ สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เนื่องจากการปล่อยปุ๋ยพร้อมระบบน้ำอาจทำให้พืชได้รับปุ๋ยไม่สม่ำเสมอ จึงต้องผสมใส่ฝักบัวเดินรดเพิ่มเติมเพื่อให้พืชได้รับสารอาหารในปริมาณเท่าๆ กันทุกต้น บำรุงแบบนี้ไปเรื่อยๆ กระทั่งออกผลก็สามารถบำรุงแบบนี้ได้อยู่ เพราะถ้ายิ่งบำรุงดี ผลผลิตก็จะยิ่งออกให้เก็บเกี่ยวเรื่อยๆ

ถัดมาคือการฉีดพ่นทางใบด้วยน้ำหมักจากผลไม้ที่มีสีเหลือง เช่น กล้วย ฟักทอง มะละกอ ฮอร์โมนนมสด ฮอร์โมนไข่ ใช้สลับกันไป ในอัตราส่วนน้ำหมัก 20-40 ซีซีต่อน้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นอาทิตย์ละ 2 ครั้ง เฉพาะในช่วงเช้า เพื่อให้ต้นมะเขือเทศเติบโตอย่างสมบูรณ์ ขั้วเหนียว ดอกไม่หลุดร่วงง่าย

การป้องกันกำจัดโรคและแมลง ประเด็นหลัก คือที่ฟาร์มปลูกมะเขือเทศออร์แกนิก เพราะฉะนั้นความใส่ใจต้องมากกว่าการปลูกแบบสารเคมี จำเป็นต้องมีเวลาในการเดินสำรวจแปลง เพื่อที่หากเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นจะได้แก้ไขและป้องกันได้ทันท่วงที โดยศัตรูของมะเขือเทศหลักๆ คือ เพลี้ยแป้ง เพลี้ยไฟ และหนอน หากปลูกในโรงเรือนจะช่วยป้องกันได้ส่วนหนึ่งแต่ไม่ทั้งหมด ทางฟาร์มก็จะเลือกใช้สารชีวภัณฑ์ในการป้องกันควบคู่กันไปแล้วแต่ชนิดของโรคที่พบ โดยสารชีวภัณฑ์ที่ใช้หลักๆ ได้แก่ เชื้อราไตรโคเดอร์มา ใช้ราดที่โคนต้นป้องกันโรครากเน่าโคนเน่า, เชื้อ Bacillus subtilis (BS) บาซิลลัส ซับทิลิส, เชื้อ Bacillus thuringiensis (Bt) หรือเรียกว่า เชื้อบีที, บิวเวอร์เรีย เมธาไรเซียม เป็นต้น ซึ่งทั้งการบำรุงใส่ปุ๋ยและการดูแลป้องกันต้องสมดุลกันด้วย

ผลผลิต ที่ฟาร์มปลูกมะเขือเทศประมาณ 400 ต้น 1 โรงเรือน ขนาด 6×24 เมตร เก็บผลผลิตได้ประมาณ 500 กิโลกรัม จัดอยู่ในปริมาณที่เยอะมาก เพราะว่าที่ฟาร์มมีตลาดรองรับ ราคาขายมะเขือเทศผลสีแดงและสีเหลืองขายราคาเท่ากันคือกิโลกรัมละ 200-300 บาท รายได้ถ้าอยู่ในฤดูกาลผลิตของมะเขือเทศ เก็บส่งสัปดาห์ละ 20-30 กิโลกรัม สร้างรายได้สัปดาห์ละ 3,000-5,000 บาท ส่งให้กับร้านสลัดเจ้าประจำที่พิษณุโลก ร้านเบเกอรี่ ออกบูธตามงานต่างๆ รวมถึงการขายออนไลน์ ช่วยสร้างรายได้เสริมต่อปีเป็นจำนวนเงินไม่น้อย

ฝากถึงเกษตรกรมือใหม่หัดปลูก
“สำหรับท่านที่กำลังสนใจอยากปลูกมะเขือเทศเป็นอาชีพเสริมหรืออาชีพหลัก ผมแนะนำว่าอันดับแรกคือต้องลงมือทำดูก่อนไม่ต้องเยอะ ลองหาวิธีปลูกเองก่อน ถ้าปลูกแล้วต้นไม่โต หรือมีปัญหาอื่นๆ ให้ถ่ายรูปเก็บไว้ แล้วเอาไปถามผู้รู้ หรือเจ้าของสวนมะเขือเทศที่มีประสบการณ์เพื่อไปแลกเปลี่ยนข้อมูล และวิธีแก้ปัญหาจากเขามา เพราะถ้าเราไม่ลองปลูกก่อนแต่เลือกที่จะเดินไปขอความรู้เลย ต่อให้คนถ่ายทอดข้อมูลดีแค่ไหนคุณก็จะไม่มีทางนึกภาพตามออก แต่ถ้าเราลองปลูกแล้ว เราก็จะได้เข้าใจในภาพเดียวกัน” คุณหนึ่ง กล่าวทิ้งท้าย

สนในสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่เบอร์โทร. 083-579-2717 หรือติดต่อได้ที่เพจเฟซบุ๊ก : Believe Farm เพชรบูรณ์

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_259137