เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ข้าวชุมชน ปี 2565 อย่างยิ่งใหญ่พร้อมร่วมงานฉลอง 139 ปี เกษตรอินทรีย์ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี
ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีการลดต้นทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวของศูนย์ข้าวชุมชน ปี 2565 โดยมี นายธนา ชีรวินิจ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมเกียรติ กอไพศาล ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมชวน รัตนมังคลานนท์ รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมเพชร สร้อยสระคู รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ โรงเรียนม่วงสามสิบ (อำนวยปัญญา) อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว จัดขึ้นเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกของศูนย์ข้าวชุมชน เกษตรกรทั่วไป และเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมงาน ได้เรียนรู้และมีความเข้าใจอย่างถูกต้องเกี่ยวกับการบริหารจัดการการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในรูปแบบศูนย์ข้าวชุมชน และการนำเทคโนโลยีทางการเกษตรสมัยใหม่ มาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิตอย่างเหมาะสม และยกระดับมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว ซึ่งจะเป็นการสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพและเพิ่มผลตอบแทนในการผลิตข้าวคุณภาพดีต่อไป
นอกจากนี้ ในวันนี้ยังถือเป็นโอกาสดีที่พี่น้องชาวอำเภอม่วงสามสิบได้ร่วมกันจัด “งานฉลอง 139 ปี เกษตรอินทรีย์ อำเภอม่วงสามสิบ” ขึ้นมาพร้อมกันด้วย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระที่อำเภอม่วงสามสิบก่อตั้งมาครบ 139 ปี และเพื่อสมโภชน์ “พระบรมพุทธโธ” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปประจำเมืองม่วงสามสิบ ที่ชาวอำเภอม่วงสามสิบให้ความเคารพบูชา งานฉลองฯ นี้ จะเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปจนถึงวันที่ 24 กันยายน 2565 ภายในงานเปิดโอกาสให้พี่น้องเกษตรกร องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรภาคประชาชน สถาบันการศึกษา ได้นำผลผลิตมาแสดงและจำหน่าย ถ่ายทอดความรู้เชิงวิชาการ จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ด้านเกษตรและปศุสัตว์ให้พี่น้องชาวอำเภอม่วงสามสิบและอำเภอใกล้เคียงเข้ามาศึกษาเรียนรู้นำไปประกอบอาชีพ มีประกวดแข่งขันเต้นบาสโลบของอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อ.ส.ม) สังกัดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล จำนวน 24 แห่งในอำเภอม่วงสามสิบ และมีการแข่งขันตำส้มตำ กิจกรรมทั้งหมดที่กระผมกล่าวมานี้ จะเป็นการส่งเสริมให้พี่น้องชาวอำเภอม่วงสามสิบมีความสมัครสมานสามัคคีกัน มีช่องทางการจำหน่ายสินค้า มีรายได้เพิ่มมากขึ้น สุขภาพพลานามัยแข็งแรง และดำรงประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวอำเภอม่วงสามสิบสืบต่อไป ทั้งนี้ จังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ทำนามากที่สุดในประเทศไทย คือ 4.1 ล้านไร่ โดยปลูกข้าวหอมมะลิเป็นหลัก ถึง 3.7 ล้านไร่ ข้าวหอมมะลิของจังหวัดอุบลราชธานีเป็นข้าวที่มีคุณภาพสูงจึงทำให้ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิมุ่งมาที่จังหวัดอุบลราชธานีเป็นอันดับแรก
“การจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นและสร้างแรงจูงใจให้สมาชิกของศูนย์ข้าวชุมชน เกษตรกรทั่วไป และเจ้าหน้าที่ผู้เข้าร่วมงาน ให้รับรู้และเข้าใจความสำคัญของศูนย์ข้าวชุมชนที่มีบทบาทสำคัญยิ่งต่อการผลิตข้าวคุณภาพของประเทศ ตลอดจนเรียนรู้เกี่ยวกับการบริหารจัดการการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวในรูปแบบศูนย์ข้าวชุมชน การนำเทคโนโลยีการเกษตรสมัยใหม่มาใช้เพื่อลดต้นทุนการผลิตและยกระดับมาตรฐานเมล็ดพันธุ์ข้าว รวมไปถึงการสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพผลผลิตและเพิ่มมูลค่าทางการค้าจากการผลิตข้าวคุณภาพดี อย่างไรก็ตาม การจัดงานในวันนี้ กระทรวงเกษตรฯ มุ่งหวังที่จะแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนและมาให้กำลังใจหลังจากที่ร่วมกันฝ่าฟันสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งวันนี้ควรเป็นวันที่เกษตรกรควรได้รับกำลังใจและมีกำลังที่จะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ สำหรับในส่วนของการประกันรายได้ยังคงเดินหน้าโครงการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยยืนยันว่าจะทำให้ดีขึ้น และให้เกษตรกรได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง” ดร.เฉลิมชัยกล่าว