ค้นหา

เกษตรกรหนุ่มหัวใสเลี้ยงปูไข่เจ้าแรกในตรังส่งขายทั่วไทยสร้างรายได้ครึ่งแสน

นายอภิสิทธิ์ ธีรกุลพิศุทธิ์
เข้าชม 329 ครั้ง

เกษตรกรหนุ่มชาวตรังต่อยอดเลี้ยงปูไข่ขายเป็นเจ้าแรกเจ้าเดียวในตรัง สร้างรายได้เดือนละ 5-6 หมื่นบาท เตรียมขยายกระชังเพิ่ม และส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงด้วย เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการสูง

ที่คลองหยงสตาร์ หมู่ที่ 2 ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งเป็นคลองธรรมชาติเชื่อมต่อกับทะเลอันดามัน ส่วนริมคลองสองฝั่งยังอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าชายเลน ฝูงนกเหยี่ยวจำนวนมาก ทำให้ นายอภิสิทธิ์ ธีรกุลพิศุทธิ์ อายุ 39 ปี เกษตรกรหนุ่มหัวใส หันมาเลี้ยงปูไข่ส่งขายทั่วประเทศ ทั้งปูดำไข่ และปูขาวไข่ หลังพบว่าผู้คนจำนวนมากกำลังนิยมรับประทานปูไข่ แต่เนื่องจากปูไข่ในธรรมชาติมีไม่เพียงพอ และเมื่อชาวประมงจับปูมาได้ก็ใช่ว่าปูตัวเมียจะมีไข่ทุกตัว หรือมีไข่สมบูรณ์เต็มที่ทุกตัว และเมื่อนำไปขายในทันทีจะได้ราคาถูก แต่หากนำมาเลี้ยงเป็นปูไข่จะได้ราคาดีกว่าอีกกว่าเท่าตัว

ทั้งนี้ จะรับซื้อปูดำตัวเมียจากชาวประมง จากนั้นนำมาขุนเลี้ยงโดยใช้เวลาประมาณ 20-25 วัน ก็สามารถจับมาดูไข่ว่า มีสีเหลือง สีส้ม หรือสีแดง หากเป็นสีส้ม หรือแดงแล้ว สามารถจับขายได้ทันที แต่หากเป็นสีเหลืองแสดงว่าไข่ยังไม่สมบูรณ์ ก็ให้เลี้ยงต่อไปอีกเล็กน้อยก็จับขายได้

นายอภิสิทธิ์ ธีรกุลพิศุทธิ์ บอกว่า ตนเองเลี้ยงปูไข่มาเกือบ 2 ปีแล้ว โดยเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในจังหวัดตรัง ที่หันมาเลี้ยงปูไข่ส่งขายทั่วประเทศ สาเหตุเพราะในพื้นที่อำเภอปะเหลียนมีปูดำจำนวนมาก และพบว่าคนนิยมกินปูไข่ แต่มีน้อย จึงทดลองเลี้ยงดูด้วยการรับซื้อปูมาจากชาวประมง ซึ่งถ้าเป็นไซส์ขนาด 6-7 ตัวต่อ กก. จะรับซื้ออยู่ที่ กก.ละ 150 บาท แต่ถ้าเป็นไซส์ขนาดใหญ่ น้ำหนัก 2 ขีดขึ้นไป จะรับซื้อที่ กก.ละ 220 บาท ถือเป็นเลสราคาที่สูงกว่าที่นำปูไปส่งขายที่อื่น เพื่อเป็นการช่วยเหลือและเพิ่มรายได้ให้แก่ชาวประมง ตกประมาณ กก.ละ 40-50 บาท ส่วนปูขาว จะมีน้อยแต่ตัวจะใหญ่มาก และหากเป็นปูตัวขนาดเล็กก็จะไม่รับซื้อ จะปล่อยคืนธรรมชาติให้โตเต็มวัย

ทั้งนี้ ปรากฏว่าผลตอบรับดีมาก เป็นที่ต้องการสูงของตลาด จึงเลี้ยงเรื่อยมา ซึ่งที่มีอยู่ในกระชังตอนนี้ประมาณ 400 -500 ตัว ก็ถูกจองหมดแล้ว มีไม่พอขาย สำหรับวิธีเลี้ยง จะนำปูดำตัวเมียหรือปูขาวตัวเมียใส่ในกล่องลงเลี้ยงเป็นรอบๆ ละ 400-500 ตัว โดยนำปูใส่กล่องๆ ละ 1 ตัว แล้วให้อาหารคือ ปลาที่ซื้อจากชาวประมงในพื้นที่ ให้กินทุกๆ วัน เพื่อขุนให้โต ซึ่งปูจะกินอาหารน้อยมากเพราะกระเพาะเล็ก ส่วนขนาดของปูไข่ที่ได้จะอยู่ที่ประมาณ 6 ตัว/กก. น้ำหนักดี เนื้อแน่น ไข่แน่น ไข่สีสด มันอร่อย ไม่มีกลิ่นคาว เพราะเป็นการเลี้ยงแบบธรรมชาติในทะเล

โดยแต่ละรอบจะจับปูไข่ขายได้ประมาณ 100-120 กิโลกรัม ขายในราคาขั้นต่ำ กก.ละ 450-650 บาท เช่น ไซส์ใหญ่ ขนาด 3 ตัวโล ราคา กก.ละ 650 บาท ส่วนไซส์ ประมาณ 6-7 ตัวโล ราคา กก.ละ 450 บาท ทำให้มีรายได้รอบละประมาณ 50,000-60,000 บาท

ขณะที่ลูกค้าจะมีทั่วไป ส่วนใหญ่จะขายส่งให้กับขาประจำ ซึ่งมีทั้งกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ โดยจะส่งทั้งแบบปูไข่น็อกฟรีซแช่แข็ง และส่งแบบปูไข่ตัวเป็นๆ ดังนั้น ตลาดปูไข่ในอนาคตจึงยังคงสดใสไปได้อีกไกล เพราะคนเลี้ยงน้อย เป็นที่ต้องการของตลาด ตนเองจึงเตรียมเพิ่มพื้นที่เลี้ยง และสนับสนุนให้ชาวบ้านหันมาเลี้ยงด้วย เพื่อเป็นช่องทางหนึ่งในการต่อยอดเพิ่มรายได้

เนื่องจากการนำมาขุนทำเป็นปูไข่ จะได้ราคาเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว แถมยังใช้เวลาเลี้ยงสั้น ไม่สิ้นเปลืองต้นทุนอาหาร เหมือนการเลี้ยงไก่เนื้อ หรือไก่ไข่ สำหรับผู้ที่ต้องการสั่งซื้อปูไข่ หรือศึกษาวิธีการเลี้ยงปูไข่ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ (064) 489-0626

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://mgronline.com/south/detail/9660000065061