หนุ่มวิศวะเหมืองแร่ ปิ๊งไอเดีย เพาะกล้าป่าเศรษฐกิจ รายได้บางเดือนถึงหลักแสน เผยเป็นคนรักการปลูกต้นไม้ จึงหันมาทำเป็นอาชีพ ชี้เกษตรกรรวยได้ ต้องรู้จักการปรับแนวคิด…
“อาชีพเกษตรก็รวยได้!”
อีกหนึ่งเสียงจากเกษตรกรหนุ่มวัย 23 ปี ดีกรีจบวิศวกรรมเหมืองแร่ (Mining Engineering) ที่หันมาปลูกต้นไม้ขาย โดยเฉพาะไม้หายาก และพืชสวนครัว ที่คนไทย “ขาดไม่ได้” นั่นก็คือ “มะนาว”
แฟรงค์ ปรเมศ สุขมงคล หนุ่มเจ้าของกิจการ “บ้านต้นไม้แม่ทองหล่อ” ที่เริ่มธุรกิจปลูกกล้าไม้ และพืชผักสวนครัว ตั้งแต่อายุ 20 ปี
ชอบต้นไม้ตั้งแต่เด็ก ลองปลูก ผักขาย ได้เงินก้อนแรกถึงกับท้อ
แฟรงค์ กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ว่า เขาเป็นคนที่รักการปลูกต้นไม้ ตั้งแต่เด็กๆ อายุ 14-15 ปี ก็เริ่มปลูกแล้ว โดยเฉพาะพวกผักสวนครัวต่างๆ โดยใช้ที่ในบ้าน 100 ตารางวา ซึ่งเป็นบ้านของยาย เราเห็นยายปลูกต้นไม้เยอะ เราก็เลยปลูกต้นไม้ตามยาย นี่คือจุดเริ่มต้นของความชอบ โดยไม่คิดว่าจะปลูกขาย แค่หวังปลูกไว้กินเองภายในบ้าน
แฟรงค์ ปรเมศ เล่าว่า หลังจากเริ่มปลูกและได้ผลผลิต จำนวนหนึ่ง ก็คิดว่าอยากจะทำจริงจัง กระทั่ง เมื่อเรา เอามะนาว พริก กะเพรา ต่างๆ ไปขายที่หน้าปากซอยบ้าน ปรากฏว่า…
“ผมตัดกะเพราไปขายตั้งเยอะ เรียกว่าเกือบหมดสวน แต่เขารับซื้อทั้งหมดในราคา 20 บาท พริกที่เอาไปขาย เด็ดแทบตายได้ 40 บาท…ทำเอารู้สึก “ท้อแท้” ไปเหมือนกัน จึงประเมินแล้วว่า ที่ดินของเราไม่เยอะ แต่ใช้ที่ดินปลูกแบบนี้อาจจะเสียเปล่า จึงคิดหาช่องทางอื่นแทน”
พ่อค้าและเกษตรกรเพาะกล้า วัย 23 ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ ไม่มีความรู้ด้านเกษตรเลย สิ่งที่เรียนก็เกี่ยวกับ วิศวกรรมเหมืองแร่ ซึ่งแทบไม่เกี่ยวข้องกับงานเกษตรเลย อีกทั้งงานสายนี้เป็นงานที่ค่อนข้างหายาก และต้องทำงานในต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น เราที่ชอบการปลูกต้นไม้ จึงเริ่มทำจริงจังตอนอายุ 20 ปี โดยเปลี่ยนแนวทางจากการปลูกผักสวนครัวอย่างเดียว มาเพาะพันธุ์กล้าไม้แทน
นายปรเมศ กล่าวว่า จากประสบการณ์ตอนนั้น เราจึงหาข้อมูลต่างๆ ซึ่งทีแรกก็ไม่รู้จะปลูกอะไรขาย แต่เหมือนโอกาสเข้ามา วันหนึ่งเราไปทำบุญที่วัดป่าบ้านดูน และวัดบ้านออมแก้ว โดยพระอาจารย์ดาวเรือง ท่านเป็นเจ้าอาวาสทั้ง 2 วัด ท่านแนะนำมาว่า เราควรจะเพาะต้นกล้าขาย นอกจากนั้น ท่านยังพาเราไปดูกิจการขายต้นกล้าในบริเวณนั้น ซึ่งถือว่าขายดีมาก เห็นคนซื้อตลอดเวลาเลย
หลังจากนั้น เรากลับมาที่บ้าน ในกรุงเทพฯ ก็เลยได้แนวคิดนี้เป็นจุดเริ่มต้นในการปลูกต้นไม้ เพาะกล้าขายนี่แหละ ซึ่งถือว่าเหมาะกับเรามาก เพราะใช้เนื้อที่น้อย
“ตอนเริ่มแรกๆ ก็ไม่รู้จะเพาะอะไรขาย จึงทดลองด้วยต้นไม้ 2 ชนิด คือ พะยูง กับแคนา ซึ่งไม้ 2 ชนิดนี้ผมไปเห็นที่วัด ผมรู้สึกว่าทั้ง 2 ต้นนี้หากปลูกให้มันโตขึ้นมา มันจะดูสวยมาก ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในการขายของผม คือจะพุ่งเป้าไปที่คนที่มีบ้าน มีพื้นที่ในบ้าน เพราะมันเป็นไม้ใหญ่ ใครที่สนใจเข้ามา เราก็จะแนะนำว่า หากปลูกมันโตแล้ว จะสวยและดีขนาดไหน…”
เกษตรกรหนุ่ม เล่าต่อว่า ตอนนั้น เพาะกล้า 2 ชนิดนี้ไว้ 300 ต้น โดยใช้เวลาการเพาะประมาณ 6 เดือน จากนั้นก็เริ่มขาย โดยการไปโพสต์ขายในกลุ่มขายต้นไม้ แค่ 2 วัน ขายหมดเกลี้ยงเลย โดยเราขายในราคาต้นละ 20 บาท กับ 50 บาท และก็ได้เงิน 13,000 บาท
แฟรงค์ กล่าวว่า ตอนนั้นรู้สึกดีใจมาก จากนั้นก็ใช้เงินทุนดังกล่าวมาต่อยอด ขยายพันธุ์กล้าไม้เพิ่มอีก 10 อย่าง โดยใช้วิธีการเลือกเพาะไม้กล้า ในหมวดหมู่เดียวกันพะยูง กับ แคนา คือเป็น พันธุ์ไม้ป่าเศรษฐกิจ เช่น ไม้สัก กันเกรา มะฮอกกานี จากนั้น ก็ต่อยอดด้วยการเพาะกล้าไม้โบราณ ที่ขายได้ทั้งปีก็คือ “มะริด” ซึ่งถือเป็นไม้ขายดีประจำสวนเลย
บทเรียนจากการตามกระแส สูญ 2 แสน เจ๊งไม้ด่าง!
นายปรเมศ เผยว่า สิ่งที่คิดในเวลานี้ คือ เราพยายามหาพันธุ์ไม้ที่หายาก และไม่เล่นตามกระแส…เพราะ มีอยู่ช่วงหนึ่ง ได้เข้าไปเล่นต้นไม้ตามกระแส คือ ไม้ด่าง จากนั้น ก็ “เจ๊งเลย” โดยตอนนั้น ลงทุนไปกว่า 2 แสน
“การเจ็บตัวในวันนั้น ทำให้เราตัดสินใจ “เลิก” ไม่ทำตามกระแสอีกเลย ใครมาแนะนำว่า “ไม้ตัวนี้ดี ตัวนี้แพง” ที่เป็นกระแส เราพูดคำเดียวเลยว่า “ช่างหัวมัน” บทเรียนครั้งนี้ มันสอนเราว่า เราเก่งด้านไหน ควรเดินในเส้นทางที่ตัวเองถนัด คือ ขายพันธุ์ไม้ป่าหากยากนี่แหละ”
รายได้เดือนหนึ่งหลักแสน มีความสุข เกษตรกรก็รวยได้
บ้านต้นไม้แม่ทองหล่อ กล่าวว่า แม้ตอนนั้นจะเจ๊งกับไม้ด่าง แต่เรายังได้คืนมาจากการขายต้นมะนาว เรียกว่า ต้นไม้ทั่วไป ทำให้เราฟื้น บวกกับการขายไม้เศรษฐกิจทั่วไป และไม้ป่าหายาก
เมื่อถามว่า รายได้ต่อเดือนเป็นอย่างไร นายปรเมศ ยอมรับว่า บางเดือนก็ขายได้เงินหลักแสนบาท โดยเฉพาะช่วงหน้าฝน คนจะมาซื้อเยอะ แต่ถ้าทั่วไปก็จะขายได้ 2-3 หมื่นบาท ไม่รวมการขายมะนาว ซึ่งตรงนี้ยังไม่หักต้นทุนที่ลงไป หากหักลบแล้วก็ทำให้เราพออยู่ได้
“ผมเชื่อว่าการเป็นเกษตรกร ก็เป็นอาชีพที่อยู่คู่กับคนไทย หากคนรุ่นใหม่อยากทำให้ประสบความสำเร็จ ก็ต้องเพิ่มแนวคิดอะไรบางอย่างลงไป พยายามหาเทคนิคต่างๆ ช่วย ก็เชื่อว่า ทำแล้วรวยได้ เช่น การขายมะนาว เราไม่จำเป็นต้นขายผลอย่างเดียว เราแค่ตอนกิ่ง ขยายพันธุ์เพิ่มก็รวยได้ครับ”
นี่คือแนวคิดของหนุ่มวัย 23 ปี ที่เปลี่ยนความรักในการปลูกต้นไม้ แปรเปลี่ยนเป็นเงินแสนบาทต่อเดือน