เกษตรกรชาว อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง ลงทุนปลูก “ขมิ้น” แซมสวนยางพารา สร้างรายได้อย่างงามถึงไร่ละ 2 แสนบาท เผยตลาดทั้งภายในและต่างจังหวัดยังมีความต้องการสูง
“ขมิ้นแกง” หรือ “ขมิ้นชัน” เป็นพืชไร่อีกชนิดหนึ่งที่เกษตรกรชาวสวนยางในภาคใต้ นิยมใช้เป็นพืชปลูกแซมยาง เพื่อสร้างรายได้เสริมให้ครอบครัว และในช่วงที่ราคายางตกต่ำ เกษตรกรชาวสวนยางจะหันมาปลูกพืชแซมยางเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกล้วย ถั่วลิสง ตะไคร้ และขมิ้น โดยเฉพาะการปลูกขมิ้นแซมยางนั้น ชาวสวนยางในพื้นที่ ต.บ้านนา และ ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง นิยมปลูกกันอย่างแพร่หลาย และสามารถขายผลผลิต มีรายได้ดีกว่าการปลูกพืชชนิดอื่น และที่สำคัญหัวขมิ้นแกง หรือขมิ้นชัน เป็นพืชที่ชาวใต้ใช้เป็นส่วนผสมเครื่องของแกงที่ใช้เป็นอาหาร และขมิ้นยังเป็นสมุนไพรที่นิยมนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยารักษาโรค ผลิตเป็นน้ำมันขมิ้นใช้ในสปา และยังใช้ขมิ้นเป็นเครื่องสำอางที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย จึงทำให้ผลผลิตของขมิ้นมีราคา และมีตลาดรองรับ ทั้งภายในและต่างประเทศ และจะมีพ่อค้ามารับซื้อถึงบ้านทุกวัน ทำให้เกษตรกรมีรายได้ตลอดปี
นางอาภรณ์ สีขาว อายุ 49 ปี เกษตรกรชาวสวนยางบ้านเขาคราม หมู่ 4 ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เป็นเกษตรกรชาวสวนยางรายหนึ่งที่มีปัญหาไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง แต่พยายามร้องขอที่ดินของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะที่ว่างในร่องสวนยางปลูกใหม่ ใช้ปลูกขมิ้นเป็นพืชแซมยางจนประสบความสำเร็จ สร้างรายได้มาเลี้ยงครอบครัว ส่งลูกเรียนจนจบ มีงานทำ และยังมีเงินเหลือเก็บอีกด้วย
นางอาภรณ์ กล่าวว่า บ้านเขาคราม หมู่ 4 ต.บ้านนา และบ้านโหล๊ะไฟ หมู่ 5 ต.ลำสินธุ์ อ.ศรีนครินทร์ ซึ่งเป็นหมู่บ้านใกล้เคียง ถือเป็นแหล่งปลูกขมิ้นที่สำคัญของ จ.พัทลุง ในแต่ละวันจะมีผลผลิตออกจากหมู่บ้านวันละ 1-2 ตัน พ่อค้าจะรับซื้อเพื่อส่งขายต่อไปที่ตลาดใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และส่งไปขายต่อประเทศมาเลเซีย
สำหรับครอบครัวของตนนั้น ก่อนที่จะมีการลงทุนปลูกขมิ้นเป็นครอบครัวที่มีฐานะยากจน ไม่มีที่ดินทำกินเป็นของตัวเอง ได้อาศัยรับจ้างกรีดยางพาราของเพื่อนบ้าน สามีจะทำงานรับจ้างทั่วไป เพื่อหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว และส่งลูกเรียนหนังสือ จนกระทั่งเมื่อประมาณปี 2550 ได้ขอใช้ที่ร่องสวนยางพาราปลูกใหม่ของเพื่อนบ้าน ลงทุนปลูกขมิ้นแซมยางเพื่อสร้างรายได้เสริมในครอบครัว โดยใช้ร่องสวนยางปลูกขมิ้นประมาณ 2 ไร่ ใช้เวลาดูแลประมาณ 6 เดือน เมื่อขมิ้นครบอายุขุดหัวส่งขายให้แม่ค้าที่รับซื้อในหมู่บ้าน ก่อนที่จะนำไปส่งขายต่อให้ผู้ผลิตเครื่องแกง
แต่มีระยะหลังๆ ตลาดภายในและต่างจังหวัดมีความต้องการขมิ้นมากขึ้น เพื่อนำไปใช้ตำเครื่องแกง และใช้ผลิตเป็นน้ำมันขมิ้น ผลิตเป็นยารักษาโรค เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์อื่นๆ เมื่อตลาดมีความต้องการ จึงได้ขยายพื้นที่ปลูกขมิ้นเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 5 ไร่ และสามารถขุดขมิ้นขายได้ทุกวัน ทำให้ครอบครัวมีรายได้วันละ 3-4 พันบาท และมีรายได้ตลอดปี ปีนี้เป็นปีทองของเกษตรกรที่ปลูกขมิ้น เนื่องจากตลาดภายในและต่างประเทศมีความต้องการขมิ้นจำนวนมาก และจะมีแม่ค้าเดินทางมารับซื้อผลผลิตถึงหมู่บ้าน ให้ราคากิโลกรัมละ 40-45 บาท และสามารถขุดขมิ้นขายได้วันละ 80-100 กิโลกรัมทุกวัน
เทคนิคการปลูกขมิ้นแซมยางให้ได้ผลผลิตสูงนั้นไม่มีอะไรยุ่งยาก เนื่องจากที่ดินในหมู่บ้านเป็นดินร่วนบริเวณเชิงเขา เหมาะสำหรับใช้ปลูกขมิ้นอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่คัดเลือกพันธุ์ขมิ้นที่สมบูรณ์และแก่จัด นำไปปลูกในที่ดินที่ได้จัดเตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นการปลูกขมิ้นเป็นพืชเดี่ยว หรือปลูกขมิ้นแซมยาง ขุดหลุมระยะห่างประมาณ 30-40 เซนติเมตร ก่อนที่นำพันธุ์ขมิ้นที่เตรียมไว้ปลูก ที่ดิน 1 ไร่ ใช้ต้นพันธุ์ปลูกประมาณ 300 กิโลกรัม และใช้เวลาดูแลบำรุงรักษา กำจัดวัชพืชที่ขึ้นมาปกคลุมขมิ้นเป็นระยะ และใส่ปุ๋ยบำรุงต้น 2 ครั้ง และให้ปุ๋ยเร่งหัว 1 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องให้น้ำ และไม่ต้องฉีดยากำจัดแมลงเหมือนปลูกพืชชนิดอื่น เมื่อขมิ้นที่ปลูกไว้อายุครบ 5-6 เดือน สามารถขุดหัวขาย จะได้ผลผลิตไร่ละประมาณ 5 ตัน ปัจจุบันราคาขมิ้นพ่อค้ารับซื้อในหมู่บ้านกิโลกรัมละ 40 บาท เกษตรกรผู้ปลูกขมิ้นจะมีรายได้ไร่ละประมาณ 2 แสนบาท ซึ่งถือว่าการปลูกขมิ้นเป็นพืชแซมยางที่มีรายได้สูงกว่าปลูกพืชชนิดอื่น
