การเลี้ยง “หอยหวานญี่ปุ่น”หรือหอยเชอรี่สีทองหรือหอยหวานน้ำจืดของอดีตข้าราชการครูบำนาญที่เมืองอุบล โดยขายได้ทั้งพ่อแม่พันธุ์คู่ละ 50 บาท และนึ่งขาย 20 ตัว/60 บาท เผยต้นทุนการเลี้ยงต่ำกว่าเลี้ยงปลา-เลี้ยงกบ ทุกวันนี้ทำเงินให้คนเลี้ยงเดือนละเกือบครึ่งแสน
“หอยหวานญี่ปุ่น”หรือหอยเชอรี่สีทอง สัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่เริ่มเลี้ยงเชิงธุรกิจกันมากขึ้นในทุกภาคของประเทศ แนวโน้มความนิยมบริโภคเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีโปรตีนสูงและต้นทุนการเลี้ยงต่ำ จุดเด่นของหอยหวานชนิดนี้ เนื้อจะนุ่ม เนื้อและเปลือกเป็นสีเหลือง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เป๋าฮื้อน้ำจืด” สามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลายเมนู ทั้ง ลวกจิ้ม ผัด ทอด ลาบ ก้อย ยำ แกงคั่ว
อาจารย์เฉลิมชัย วรพิมพ์รัตน์ หรือครูอ๋อย อดีตข้าราชการครูบำนาญ ซึ่งมาปักหลักหลังเกษียณอยู่ที่บ้านทางสาย ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ใช้ที่ว่างเปล่าในบ้านพื้นที่กว่า 1 ไร่ ทำเป็นบ่อใช้เลี้ยงหอยรวม 16 บ่อ โดยเล่าที่มาที่ไปว่า ตนเป็นคนชอบกินของพื้นบ้าน และเห็นว่าหอยเชอรี่สีทอง หรือมีหลายชื่อเรียกว่า หอยหวานญี่ปุ่น หอยหวานน้ำจืด หรือหอยเป่าฮื้อน้ำจืด น่าจะเป็นสัตว์เศรษฐกิจทำเงินได้
จึงนำมาทดลองเลี้ยง พบว่าเลี้ยงง่าย ให้ผลตอบแทนดีกว่าการเลี้ยงปลา เลี้ยงกบ ที่ต้องให้อาหารทุกวัน แต่หอยหวานญี่ปุ่น 2-3 วันค่อยให้หัวอาหารครั้งหนึ่ง ให้ครั้งละไม่มาก เพราะมีอาหารหลักเป็นพืชน้ำ เช่น จอก แหน ผักตบชวา หรือพืชบกจำพวกใบมะละกอ ผักตำลึง ซึ่งเป็นพืชผักพื้นบ้านหาได้ทั่วไปมาเป็นอาหารหลักให้กับหอยพวกนี้อยู่แล้ว
ปัจจุบันอาจารย์เฉลิมชัย เลี้ยงหอยหวานทั้งสายพันธุ์เปลือกสีโกโก้ และหอยหวานสายพันธุ์เปลือกสีทอง การดูแลความสะอาด ต้องเปิดสปริงเกอร์ใช้ฉีดพ่นน้ำ โดยให้น้ำมีการหมุนเวียน เพื่อความสะอาด พร้อมให้มีแสงแดดธรรมชาติผ่านลงมาที่บ่อใช้เลี้ยงบ้างเล็กน้อย แต่อย่าให้แดดจัดจนเกินไป
ส่วนน้ำก็ให้ใช้น้ำจากบ่อบาดาลจะดีที่สุด หากเป็นน้ำประปา ก็ต้องเปิดน้ำขังทิ้งไว้ก่อน 2-3 วัน เพื่อให้คอรีนเจือจาง จึงนำมาใช้เลี้ยงได้
อาจารย์เฉลิมชัย เล่าต่อว่า บ่อพ่อแม่พันธุ์จะมีประมาณ 2,000 ตัว เพื่อให้ผสมพันธุ์กัน จากนั้นแม่พันธุ์ก็จะวางไข่บนท่อ PVC หรือตามผนังบ่อปูนซีเมนต์ เมื่อครบเวลา 14 วัน ค่อยมาเคลื่อนย้ายไข่ไปอยู่ที่บ่ออนุบาล รอจนอายุ 3-4 เดือน ก็สามารถจับขายได้กิโลกรัมละ 250 บาท ส่วนพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ถ้าจะจับขายก็ได้คู่ละ 50 บาท ส่วนของตนมีทั้งขายพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ และเลี้ยงให้โตได้ที่ก็จับออกไปนึ่งขายตามตลาดสด ได้ราคาดี 20 ตัว ต่อ 60 บาท ขายแต่ละครั้งได้เงิน 3,000-4,000 บาท เดือนหนึ่งขายทั้งพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ รวมทั้งจับขายแบบเป็นๆ และแบบนึ่งเดือนละกว่า 35,000-40,000 บาท หรือเกือบครึ่งแสนบาทในแต่ละเดือน
สำหรับต้นทุนการเลี้ยงหอยชนิดนี้ ต่ำมาก เพราะสามารถขยายพันธุ์ได้รุ่นต่อรุ่น หมุนเวียนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเลิกเลี้ยง ส่วนอาหารใช้เลี้ยงมีเพียงหัวอาหารเลี้ยงปลา และพืชน้ำพื้นบ้านทั้งจอก แหน ผักตบชวา รวมทั้งผักบกที่เป็นสมุนไพรได้ทั้งหมด ที่สำคัญเวลาเลี้ยงอย่าให้น้ำสกปรก ให้มีน้ำหมุนเวียนอยู่เสมอ เนื้อหอยจะมีรสชาติหอมหวานอร่อย เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ไม่เหมือนหอยที่จับตามธรรมชาติ อาจมีสารเคมีตกค้างจากการทำไร่ ทำนา ซึ่งฟาร์มของตนปัจจุบันเลี้ยงหอยโตไม่ทันขาย
ทั้งนี้เกษตรกรที่ต้องการมีรายได้เสริมเลี้ยงหอยหวานน้ำจืด สามารสอบถามได้ที่ฟาร์มบ้านทางสาย ต.หนองกินเพล อ.วารินชำราบ หรือทักสอบถามที่ Facebook เฉลิมชัย วรพิมพ์รัตน์ หรือโทรสอบถามรายละเอียดที่หมายเลขโทรศัพท์ 085-763-5739 ยินดีให้คำปรึกษา