สาวสตูลเจ้าของฟาร์มเห็ดนางฟ้าภูฏาน ต่อยอดขยายฟาร์มเพิ่มการเพาะหูหนูและเห็ดแครงเสริม เพื่อให้ใช้โรงเรือนอย่างคุ้มค่า โดยเก็บเห็ดและขายก้อนเชื้อเห็ด เก็บขายทำรายได้พุ่งสูงเดือนละ 2 แสนบาท
น.ส.นาถลดา ขาวคง อายุ 42 ปี ชาวบ้าน ต.ควนโพธิ์ อ.เมือง จ.สตูล หนึ่งในเกษตรกรผู้เคยประสบความสำเร็จจากการเพาะเห็ดนางฟ้าภูฏาน เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมา และในปีนี้ได้ขยายโรงเรือนเพิ่มจาก 9 โรงเป็น 15 โรงเพื่อรองรับออเดอร์ลูกค้า อีกทั้งยังเพิ่มการเพาะเห็ดแครง และเห็ดหูหนูทำให้ทุกวันนี้มีรายได้ต่อเดือนถึง 2 แสนบาท อีกทั้งยังเปิดฟาร์มให้เป็นศูนย์เรียนรู้ถ่ายทอดความรู้ให้กับผู้สนใจแบบไม่กั๊ก เพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้ที่สนใจในการสร้างอาชีพ พร้อมสร้างความมั่นใจในการทำงานหากสู้ไม่ท้อก็จะอยู่ได้เหมือนตน
เจ้าของฟาร์มเห็ดนางฟ้าภูฏาน กล่าวว่า เมื่อปี 2565 ที่ผ่านมาหลังจากประสบความสำเร็จ ตัวเองก็ไม่ย่อท้อสามารถปลดหนี้ 4 ล้านบาทได้ หลังหมดหนี้ก็ขยายโรงเรือนเพิ่ม เนื่องจากมีแม่ค้าสั่งเห็ดเข้ามาจนตนผลิตให้ไม่ทัน ทุกวันนี้รวมเห็ดทั้งเห็ดภูฏาน เห็ดหูหนู และเห็ดแครง ส่งวันละ 150 กก.โดยเฉพาะเห็ดภูฏานนั้นแม่ค้าต้องการถึงวันละ 200 กก. แต่ตนผลิตให้ไม่ได้ ขณะนี้ได้ซื้อที่ 5 ไร่ห่างจากบ้านประมาณ 3 กม. เพื่อทำฟาร์มเห็ดแบบครบวงจรและนำก้อนเชื้อที่หมดอายุไปแปรรูปเป็นปุ๋ยด้วย
น.ส.นาถลดา กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ได้เพาะเห็ดหูหนูและเห็ดแครงขึ้นมา เนื่องจากว่าเห็ดนางฟ้าภูฏานเมื่อก้อนเชื้อหมดอายุ จำเป็นต้องพักโรง 2-3 เดือน ช่วงจังหวะที่พักโรงตนจึงคิดที่จะทำอะไรเสริม เพื่อไม่ให้โรงเรือนว่างเปล่าประกอบกับเห็ดบางช่วงฤดูกาลความต้องการเห็ดนางฟ้าลดลง ตนจึงคิดว่าทำอะไรเพิ่มเพื่อไม่ให้รายได้ลดลง จึงคิดเพาะเห็ดเพิ่ม โดยศึกษาการเพาะเห็ดแครงและเห็ดหูหนูจากยูทูบ จากนั้นมาทดลองผิดถูกอยู่เพียงครั้งเดียวก็สำเร็จ โดยนำโรงเรือนเห็ดนางฟ้าภูฏานที่พักโรงมาใช้ประโยชน์ โดยแขวนก้อนเชื้อเห็ดหูหนู โดยเห็ดหูหนูจะชอบโรงเรือนโล่ง ชอบแสงจึงไม่ต้องปิดสแลน ส่วนเห็ดแครงวางตรงกลางรวมกับเห็ดนางฟ้า
เจ้าของฟาร์มเห็ดนางฟ้าภูฏาน กล่าวถึงราคาเห็ดว่า สำหรับราคาเห็ดนางฟ้าและหูหนู เมื่อเก็บขายส่งอยู่ที่ กก.ละ 60 บาท เห็ดแครง กก.ละ 170 บาท ส่วนก้อนเชื้อผลิตวันละ 1,200-1,300 ก้อนต่อวัน ซึ่งมีกำลังผลิตเพียงแค่นี้ รายได้ต่อเดือนทั้งขายก้อนเชื้อและเห็ดวันละ 150 กก. ตกเดือนละ 2 แสนบาท
