ฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) แนะนำเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะ พร้อมการสาธิตการควบคุมโดรนการเกษตรระบบอัตโนมัติ แบบไร้คนขับ รวมทั้งการใช้งานโรงเรือนเพื่อเพาะปลูก เพิ่มคุณภาพผลผลิตเมลอนให้มีคุณภาพสูง ช่วยเพิ่มความสามารถเกษตรกรไทยแข่งขันตลาดโลก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) แบรนด์ธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตร โดยกลุ่มบริษัท เจียไต๋ จำกัด แนะนำเทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะ พร้อมการสาธิตการควบคุมโดรนการเกษตรระบบอัตโนมัติ แบบไร้คนขับ รุ่น XAG P100 และ XAG V40 โดยมีการแสดงสมรรถนะการหว่านปุ๋ย หว่านเมล็ดพันธุ์ข้าว และบินพ่นสารเคมี ในแปลงนาสาธิต ที่ นาเฮียใช้ จังหวัดสุพรรณบุรี โดยการสาธิตบินโดรน XAG P100 สามารถพ่น-หว่านในพื้นที่ 1 ไร่ใช้เวลาแค่ 1 นาที หรือแ ใน 1 วันจะสามารถพ่น-หว่านในพื้นที่นาได้สูงถึง 300 ไร่
นอกจากนี้ ยังมีโซลูชั่นโรงเรือนอัจฉริยะเพื่อการเพาะปลูก โดยมีสมาร์ทฟาร์เมอร์ผู้มีประสบการณ์ใช้จริงในการใช้โซลูชั่นของฟาร์มอินโนฯ เพาะปลูกเมล่อนในโรงเรือน มาถ่ายทอดประสบการณ์แก่คณะสื่อมวลชนสายเกษตร พร้อมความตื่นเต้นและสนุกสนาน กับช่วงการทดลองควบคุมโดรนผ่านแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟฟน ที่ช่วยให้มั่นใจได้ว่าโดรนการเกษตรใช้งานง่าย และได้ประสิทธิภาพสูงเมื่อเทียบกับการใช้แรงงานคน
นางสาวรตา สุทธิมัณฑนกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตร ฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) กล่าวว่าหลังจากฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) เปิดตัวไปเมื่อปีที่ผ่านมา ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เจียไต๋ จำกัด โดยมุ่งให้ความสำคัญในการยกระดับวงการเกษตรของไทย พร้อมผลักดันสู่เกษตรอัจฉริยะผ่านการส่งมอบโซลูชันทางการเกษตร เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรสามารถรับมือ กับความท้าทายทางการเพาะปลูกต่างๆ เช่น ขณะนี้ ที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ฝนขาดช่วงได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อพื้นที่เพาะปลูกของพี่น้องเกษตรกร และในอีกด้าน เรื่องแนวโน้มสังคมผู้สูงวัยในไทย ที่จะทำให้อายุเฉลี่ยของเกษตรกรไทยสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะส่งผลต่อศักยภาพแรงงานภาคเกษตรของไทยในอนาคต และความสามารถในการผลิตที่ลดลงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในอาเซียน อันจะกระทบต่อความมั่นคงของอาชีพเกษตรกร และความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจเทคโนโลยีการเกษตร ฟาร์มอินโนฯ กล่าวต่อว่า ด้วยเหตุนี้ เจียไต๋และฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) จึงเสาะหาวิธีการรับมือด้วยการใช้โซลูชันการเกษตรที่นำดิจิทัล ระบบไอที และเครื่องมือการเกษตรที่ทำงานได้แบบอัตโนมัติ เข้ามาเสริมการทำงาน อาทิ Digital Farming ที่จะช่วยเพิ่มคุณภาพและปริมาณผลิตผลได้ ซึ่งนำมาสู่สินค้าและบริการของฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) ที่ประกอบด้วย โดรนการเกษตรประสิทธิภาพสูง โรงเรือนเกษตรอัจฉริยะ และแพลตฟอร์มชุมชนเกษตร ที่จะทำให้การเกษตรไทยนั้นสมาร์ท สะดวก และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นายถวิลย์ อินต๊ะขัน ผู้จัดการทั่วไป ฝ่าย Commercial กล่าวเสริมว่า “โซลูชันการเกษตรของฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) ที่จะช่วยให้การเกษตรเป็นเรื่องสมาร์ทขึ้นนั้น ในปัจจุบัน เราแบ่งกลุ่มสินค้าและบริการเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ได้แก่ โรงเรือนเกษตรอัจฉริยะ ที่นอกจากองค์ความรู้การใช้งานแล้ว เรายังมีอุปกรณ์ รวมถึงวัสดุโครงสร้างที่ครบครัน โดยให้บริการตั้งแต่การเป็นที่ปรึกษา ออกแบบ ประเมินราคา ไปจนถึงการก่อสร้าง และติดตั้งให้เกษตรกรพร้อมสำหรับการเพาะปลูกและอย่างที่สองที่เป็นไฮไลต์ คือ โดรนการเกษตรประสิทธิภาพสูงที่จะปลดล็อกให้ทุกคนสามารถทำเกษตรได้ง่ายขึ้น ลดการใช้แรงงานเพิ่มความแม่นยำ ไม่ว่าผู้ชาย ผู้หญิง หรือคนสูงอายุ ก็สามารถใช้งานโดรนการเกษตรได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ
ผู้จัดการทั่วไป ฝ่าย Commercial ฟาร์มอินโน (ไทยแลนด์) กล่าวอีกว่า ในส่วนของการใช้งานไม่เพียงเทรนด์วิธีการใช้และการดูแลรักษาเท่านั้น ฟาร์มอินโนยังมีทีมผู้เชี่ยวชาญที่จะนำเสนอโซลูชันการเพาะปลูกต่างๆ อย่างการใช้ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยและอารักขาพืชควบคู่กับโดรนที่ผ่านการวิจัยและทดสอบการใช้งานว่าเหมาะสมกับการเติบโตในแต่ละช่วงของแต่ละชนิดพืช นอกจากนี้ ในปีหน้า เราจะนำเสนอโซลูชันการเกษตรอื่นๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย
ขณะที่ นายพิสุทธิ์ ไผ่งาม เกษตรกรผู้ปลูกข้าว อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จากที่ทำอาชีพชาวนาปลูกข้าวมาหลายสิบปี แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาได้มีโอกาศศึกษาการใช้งานโดรนการเกษตรอย่างจริงจัง จนกระทั่งเริ่มจ้างทีมบินโดรนมา ช่วยบินหว่านปุ๋ย และเมล็ดพันธุ์ข้าว และพ่นยาบำรุง และสารเคมีปราบศัตรูพืช ในแปลงนาแทนการใช้แรงงานคน พบข้อดี คือ โดรนได้ผลผลิตที่สูงกว่าใช้คนหว่านย่อมทำให้เกิดการเหยียบย่ำในแปลงนา หลังใช้โดรนก็สร้างความพึงพอใจมาก เพราะเราคุมความสูงได้ กำหนดการกระจายของเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งวปุ๋ยและยาได้ทั่วถึง ประหยัดเวลาและแรงงาน อีกทั้งอายุที่เริ่มสูงวัย การใช้โดรนบินเพื่อการเกษตร จึงเป็นยุคที่้ 3 ของชีวิตที่ทำให้การเป็นชาวนาสบายขึ้น
ส่วน อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ ความสำเร็จของรุ่งเรือแม่ล่อนฟาร์ม อ.ไชโย จ.อ่างทอง ที่ปรับเปลี่ยนการปลูกเมล่อนกลางแจ้งกว่า 20 ปี มาใช้โซลูชั่นโรงเรือนอัจฉริยะ ที่พบว่าแตกต่างจากเดิม ที่สามารถควบคุมปัจจัยต่างๆ ส่งผลให้เมล่อนมีคุณภาพ ส่งขายขึ้นห้างได้ แม้ช่วงแรกจะเป็นการลงทุนที่สูง แต่ผลผลิตที่ได้ก็ราคาดีกว่าเดิม สามารถช่วยให้คืนทุนได้ไว ด้วยผ้าใบที่คลุมหลังคาโรงเรือน ที่อยาุใช้งานกว่า 4 ปี จึงทำกำไรได้มากขึ้นต้นทุนลดลง เมล่อนที่ปลูกได้รับแสงสม่ำเสมอ สังเคราะห์แสงได้ดี ผลผลิตสวนงาม หวานฉ่ำ ตรงกับความต้องการของตลาด