ค้นหา

เร่งเพาะพันธุ์ “ปลากุเลา” ปล่อยคืนแม่น้ำตากใบ หนุนส่งเสริมการผลิตสินค้า GI

กรมประมง
เข้าชม 568 ครั้ง

กรมประมงเร่งเพาะพันธุ์ “ปลากุเลา” ปล่อยคืนแม่น้ำตากใบ หนุนส่งเสริมการผลิตสินค้า GI เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุบชีวิตชุมชนชายแดนใต้

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่าปลากุเลาจัดเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ Polynemidae พบการแพร่กระจายในเขตอินโดแปซิฟิกตั้งแต่อ่าวเปอร์เซียถึงออสเตรเลีย ไต้หวัน และทางตอนใต้ของญี่ปุ่น โดยมีรายงานพบ 8 สกุล รวม 41 ชนิด สําหรับในประเทศไทยพบ 2 สกุล 17 ชนิด ซึ่งชนิดที่มีความสําคัญทางเศรษฐกิจ ได้แก่ Eleutheronema tetradactylum และ Polydactylus macrochir พบการทำการประมงทั่วไปในพื้นที่จังหวัดตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี นครศรีธรรมราช สงขลา ปัตตานี และพบมากที่จังหวัดนราธิวาส โดยเฉพาะบริเวณชายฝั่งอำเภอตากใบและแม่น้ำตากใบ ซึ่งเป็นสายพันธุ์กุเราหนวดสี่เส้น (Eleutheronema tetradactylum)

โดยชาวประมงจะใช้อวนลอยในการจับและนำมาแปรรูปเป็น “ปลากุเราเค็ม” ที่มีชื่อเสียงในด้านรสชาติว่าเหนือกว่าปลาเค็มทั่วไป จนได้รับสมญาว่าเป็น “ราชาแห่งปลาเค็ม” อีกทั้งยังได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เป็นผลิตภัณฑ์ชุมชนสินค้า OTOP ระดับ 5 ดาว ที่มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 1,300-1,600 บาท ส่งจําหน่ายทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ สร้างรายได้ให้แก่ชาวประมงและผู้แปรรูปผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้ำในพื้นที่เป็นจํานวนมาก ภายใต้โครงการตากใบโมเดล และด้วยความต้องการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรปลากุเลาในแม่น้ำตากใบ มีปริมาณสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ผลผลิตในแหล่งน้ำธรรมชาติลดน้อยลง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายให้กรมประมง โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลนราธิวาสเร่งดำเนินโครงการ “เพาะปลากุเลาปล่อยลงแม่น้ำตากใบ” ในปีงบประมาณ 2567 เพื่อเพิ่มปริมาณในแหล่งน้ำธรรมชาติให้อุดมสมบูรณ์เพียงพอต่อความต้องการใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ สำหรับเป็นวัตถุดิบป้อนสู่กระบวนการแปรรูปปลากุเลาเค็ม ตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภค

โดยระยะแรกจะดำเนินการรวบรวมพ่อแม่พันธุ์จากแหล่งน้ำธรรมชาติ และนำมาขุนเลี้ยงจนได้ขนาด จากนั้นจะทำการเพาะพันธุ์ด้วยวิธีธรรมชาติ เมื่อได้ไข่ปลาจะทำการเพาะฟักและอนุบาลจนได้ขนาด 1.5-2.0 เซนติเมตร จึงจะนำไปปล่อยลงสู่แม่น้ำตากใบ โดยตั้งเป้าหมายไว้ 100,000 ตัวต่อปี การดำเนินโครงการเพาะเลี้ยงปลากุเลาและปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ เป็นกิจกรรมที่เพิ่มผลผลิตและเมื่อปล่อยให้ลูกพันธุ์ปลากุเลาเติบโต เป็นพ่อแม่พันธุ์สามารถสืบพันธุ์ วางไข่ ก็จะสามารถเพิ่มปริมาณปลากุเราขึ้นมาทดแทนได้ ซึ่งจะทำให้ชาวประมงในจังหวัดนราธิวาส สามารถจับปลากุเลาจากธรรมชาติได้มากขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น ตลอดจนทำให้ผู้แปรรูปสัตว์น้ำในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส มีวัตถุดิบป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตปลากุเลาเค็มอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับผู้บริโภคอีกด้วย

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.dailynews.co.th/news/2909023/