ค้นหา

แผนปลูกพืชฤดูแล้ง67งดทำ นาปรัง11เขื่อนน้ำน้อย

กรมส่งเสริมการเกษตร 
เข้าชม 279 ครั้ง

กรมส่งเสริมการเกษตร กำหนดแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2566/67 รวม 10 ล้านไร่ เน้นปลูกพืชใช้น้ำน้อย งดทำนาปรัง ลุ่มน้ำ 11 เขื่อน

นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า  ปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ฤดู การเพาะปลูกพืชฤดูแล้งแล้ว (1 พ.ย. 66 – 30 เม.ย. 67) และจากสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (climate change) และคาดการณ์ปรากฏการณ์เอลนีโญ อาจส่งผลให้ในบางพื้นที่จะประสบกับสภาวะขาดแคลนน้ำและปริมาณน้ำต้นทุนอาจจะมีไม่เพียงพอให้ใช้ในระยะยาว โดยช่วงฤดูแล้งนี้ได้มีการประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำการเกษตรนอกเขตชลประทาน จำนวน 924,438 ไร่ ใน 13 จังหวัด 35 อำเภอ 76 ตำบล

ซึ่งที่ประชุมคณะอนุกรรมการวางแผน และติดตามการป้องกันแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร ได้มีมติเห็นชอบแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง นโยบาย และมาตรการการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2566/67 ซึ่งกำหนดให้มีการวางแผนการบริหารจัดการน้ำแบบยั่งยืน โดยจัดสรรน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ เพื่อสนับสนุนการใช้น้ำทุกกิจกรรมในพื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เห็นควรให้จัดสรรน้ำตามระบบรอบเวร หรือกำหนดวิธีการเพาะปลูกที่ประหยัดให้เหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอ สำหรับการอุปโภคบริโภค การรักษาระบบนิเวศ การอุตสาหกรรม และการเพาะปลูกพืชต้นฤดูฝนปีถัดไป

รวมทั้งได้มีการวางแผนการจัดสรรน้ำเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ตามลำดับความสำคัญ ดังนี้ 1. เพื่อการอุปโภค-บริโภค และการประปา 2. เพื่อการรักษาระบบนิเวศทางน้ำ เช่น การผลักดันน้ำเค็ม การขับไล่น้ำเสีย บรรเทาสาธารณภัย จารีตประเพณีและคมนาคม เป็นต้น 3. เพื่อสำรองน้ำไว้สำหรับการใช้น้ำในช่วงต้นฤดูฝน สำหรับอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศ ระหว่างเดือน พ.ค.- ก.ค. 2567

4. เพื่อการเกษตร 5. เพื่อการอุตสาหกรรม และ 6. เพื่อการ พาณิชยกรรมและการท่องเที่ยว และด้านการเกษตร

กรมส่งเสริมการเกษตรได้กำหนดแผนการเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2566/67 ตามปริมาณน้ำต้นทุนในอ่างเก็บน้ำ และความเหมาะสมของพื้นที่ เพื่อให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกพืชได้เหมาะสมกับศักยภาพพื้นที่ ดังนี้

 แผนการพื้นที่การเพาะปลูกทั้งประเทศ จำนวน 10.66 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 8.13 ล้านไร่ แยกเป็น ในเขตชลประทาน 5.80 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.33 ล้านไร่

พืชไร่พืชผัก จำนวน 2.53 ล้านไร่ แยกเป็นในเขตชลประทาน 5.7 แสนไร่ นอกเขตชลประทาน 1.96 ล้านไร่ 

สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา 22 จังหวัด จำนวน 4.90 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 4.20 ล้านไร่ แยกเป็นในเขตชลประทาน 3.03 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 1.17 ล้านไร่  พืชไร่พืชผัก จำนวน  7 แสนไร่  แยกเป็น ในเขตชลประทาน 1.3 แสนไร่ นอกเขตชลประทาน 5.7 แสนไร่ 

และลุ่มน้ำแม่กลอง 7 จังหวัด จำนวน 1.13 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวรอบที่ 2 จำนวน 8.6 แสนไร่ แยกเป็นในเขตชลประทาน 8.4 แสนไร่ นอกเขตชลประทาน  2 หมื่นไร่  พืชไร่พืชผัก จำนวน  2.7 แสนไร่  แยกเป็นในเขตชลประทาน 1.7 แสนไร่  นอกเขตชลประทาน 1 แสนไร่

สำหรับการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร เนื่องจากในบางพื้นที่มีปริมาณน้ำต้นทุนใน11 อ่างเก็บน้ำค่อนข้างน้อย จึงมีความจำเป็นต้องงดการจัดสรรน้ำในการเพาะปลูกข้าวรอบที่ 2 ในช่วงฤดูแล้ง ปี 2566/67 ได้แก่ เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จังหวัดเชียงใหม่ เขื่อนกิ่วลม จังหวัดลำปาง เขื่อนแม่มอก จังหวัดสุโขทัย เขื่อนลำตะคอง จังหวัดนครราชสีมา เขื่อนมูลบน จังหวัดนครราชสีมา เขื่อนลำนางรอง จังหวัดบุรีรัมย์ เขื่อนทับเสลา จังหวัดอุทัยธานี เขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี เขื่อนประแสร์ จังหวัดระยอง เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี และเขื่อนปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 

กรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอแนะนำให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อย ควรมีให้ความสำคัญกับการปฏิบัติดูแลรักษาพืชในช่วงฤดูแล้งที่ถูกต้อง การรักษาความชื้น และลดการเผาตอซัง หรือเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของรัฐ เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพกระบวนการผลิตสินค้าเกษตร กิจกรรมส่งเสริมการปลูกพืชใช้น้ำน้อยเสริมสร้างรายได้แก่เกษตรกร และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรกิจกรรมเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2567 เป็นต้น เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรในการปลูกพืชอื่นทดแทนการปลูกข้าวรอบที่ 2

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1100866