‘นายกฯ’ สั่งทำงานเชิงรุกแก้ฝุ่น PM 2.5 ยกเชียงใหม่เป็นโมเดล กำชับ ‘ผู้ว่าฯ’ ดูแลพื้นเข้มงวด ไม่ปล่อยมีการเผา หากพบละเลย ลงโทษตามระเบียบ วางมาตรการตัดสิทธิช่วยเหลือเกษตรทุกรูปแบบจากรัฐ หากยังฝ่าฝืน
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง สั่งการในที่ประชุมเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 โดยย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เป็นอันดับต้นๆ อย่างจริงจัง โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว ซึ่งการลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ของนายกฯ ถือเป็นจังหวัดต้นแบบ ซึ่งได้มีการประเมินสถานการณ์ในเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียง ขณะนี้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 ลดลง โดยเฉพาะเดือน ม.ค. เมื่อเทียบย้อนหลังไปถึง 10 ปี โดย ม.ค. ปีนี้ คนเชียงใหม่บอกว่าปัญหาฝุ่นดีขึ้นที่สุด และปริมาณฝุ่นต่ำลงมาก แต่พื้นที่ กทม. และปริมณฑล ยังไม่ลดลง ดังนั้นนายกฯ จึงเน้นย้ำให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเน้นการทำงานเชิงรุก ใช้กลไกและกฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบัน ให้ทุกหน่วยงานนำไปปรับใช้ เพื่อกำหนดมาตรการให้มีความเข้มข้นและเป็นรูปธรรม
นายชัย กล่าวว่า โดยมีแนวทางดังต่อไปนี้คือ 1.ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รณรงค์ให้เกษตรกรที่เผาเปลี่ยนไปใช้วิธีการฝังกลบ หากเกษตรกรรายใดติดปัญหาเรื่องเครื่องมือในการฝังกลบ ภาครัฐยินดีส่งเสริมแต่ถ้ายังฝืนเผาอยู่ จะถูกตัดสิทธิในการรับความช่วยเหลือจากภาครัฐทุกรูปแบบ 2.กรณีสินค้าเกษตรที่นำเข้าจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากประเทศเพื่อนบ้าน ให้กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ นำเข้ากำหนดมาตรการลดหรือห้ามนำเข้าสินค้าทางการเกษตรที่พิสูจน์ได้ว่า มีกระบวนการผลิตเกี่ยวข้องกับการเผา เช่น การนำเข้าข้าวโพด ซึ่งแหล่งนำเข้าข้าวโพดมีการเผาตอซังข้าวโพด หากมีการพิสูจน์ได้ ให้ทั้ง 2 กระทรวงระงับการอนุญาตนำเข้า
นายชัย กล่าวต่อว่า 3.กำหนดให้มีการจับกุม และบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงสาธารณสุข บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ออกประกาศเขตห้ามเผา ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หากผู้ใดฝ่าฝืน ให้มีการลงโทษตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด 4.การลงโทษปรับ กรณีการเผาที่เป็นเหตุให้รำคาญ เรามีกฎหมายที่ว่าด้วยพระราชบัญญัติสาธารณสุข หากมีการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เกี่ยวกับการเผาในประเทศเพื่อนบ้าน ที่เกี่ยวข้องจับกุมและลงโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลพื้นที่ให้เข้มงวด ไม่ให้เกิดการเผาและลักลอบนำเข้า ถ้ายังเผา และปล่อยให้มีการลักลอบนำเข้าสินค้าที่เกิดจากการเผาจากประเทศต้นทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง จะต้องมีส่วนรับผิดชอบ และอาจถูกพิจารณาโทษตามกฎหมาย ตามระเบียบที่เกี่ยวข้องต่อไป
นายชัย กล่าวอีกว่า 5.แนวทางการสนับสนุนเชิงรุก ให้มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก ให้ประชาชนรับทราบว่ารัฐบาลเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ หากมีเจ้าหน้าที่คนไหนหย่อนยานจะถูกลงโทษ นอกจากนี้ ยังขอให้กระทรวงเกษตรฯ ให้ความรู้กับเกษตรกร เรื่องการไถกลบและผลเสียของการเผา นอกจากนี้ ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรม ประสานความร่วมมือกับผู้ประกอบการ กำหนดมาตรการสนับสนุน
“ขอให้ข้อสั่งการดังกล่าว ปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม โดยขอให้คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธาน ให้นำแนวทางดังกล่าว ไปพิจารณาร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และทำให้เป็นมาตรการที่ชัดเจน เพื่อสนองตอบต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยด่วน