กรมส่งเสริมการเกษตร ขอความร่วมมือเกษตรกรพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา งดทำนาปรังรอบสอง หลังปลูกไปแล้ว 6.90 ล้านไร่ เกินแผน 164% แนะปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนลดความเสี่ยงผลผลิตเสียหายเพราะน้ำไม่พอ
นายครองศักดิ์ สงรักษา รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Change) และปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Nino) กำลังปานกลาง ส่งผลให้ในปี พ.ศ.2566 ประเทศไทยมีปริมาณน้ำต้นทุน ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ทั้งประเทศน้อยลงกว่าปี 2565 จำนวน 3,999 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม. ) ซึ่งส่งผลต่อน้ำต้นทุนในปี 2567 ประกอบกับที่กรมชลประทานได้ปรับแผนจัดสรรน้ำเพิ่มเติม เพื่อสนับสนุนพื้นที่ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยว
และขณะนี้มีการจัดสรรน้ำทั่วประเทศแล้วประมาณ 12,627 ล้านลบ.ม. หรือ 51% โดยเฉพาะลุ่มเจ้าพระยามีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 4,496 ล้าน ลบ.ม. หรือ52% ส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนอาจไม่เพียงพอต่อการทำนาปรังรอบสอง ข้อมูลสถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 พบว่าอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ มีปริมาณน้ำรวมกันทั้งสิ้นประมาณ 53,582 ล้านลบ,ม. หรือ 70% ของความจุอ่างฯ รวมกัน
โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 15,096 ล้าน ลบ.ม. หรือ 61 ของความจุอ่างฯ รวมกัน แต่ขณะนี้ การทำนาปรังพบว่าทั้งประเทศมีการทำนาปรังเกินจากแผนการเพาะปลูก ปี 2566/2567 ไปแล้ว 10.21 ล้านไร่ คิดเป็น 126% ของแผนฯ แยกเป็นในเขตชลประทาน 8.38 ล้านไร่ คิดเป็น 144% ของแผนฯ นอกเขตชลประทาน 1.83 คิดเป็น 79% ของแผนฯ
เฉพาะ“ลุ่มเจ้าพระยา” มีการทำนาปรังไปแล้วประมาณ 6.90 ล้านไร่ คิดเป็น 164% ของแผนฯ แยกเป็นในเขตชลประทาน 5.63 ล้านไร่ คิดเป็น 186 %ของแผนฯ นอกเขตชลประทาน 1.27 คิดเป็น 109% ของแผนฯ จากข้อมูลดังกล่าวกรมส่งเสริมการเกษตรจึงขอความร่วมมือจากเกษตรกร โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาที่เก็บเกี่ยวนาปรังรอบแรกแล้วเสร็จ “ขอความร่วมมืองดทำนาปรังรอบที่ 2 และเลือกปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทน” เพื่อลดความเสี่ยงที่ผลผลิตจะเสียหายจากปริมาณน้ำไม่เพียงพอ
ในปีการผลิต 2566/67 กรมส่งเสริมการเกษตรมุ่งเน้นการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้เกษตรกรปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนการทำนาปรังรอบสอง เพื่อลดความเสียหายจากสภาพอากาศหน้าแล้ง ลดการใช้น้ำทำการเกษตร และสร้างรายได้แก่เกษตรกร สำหรับพืชใช้น้ำน้อยที่กรมส่งเสริมการเกษตรส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกทดแทนการทำนาปรัง คือ พืชที่ใช้น้ำในการเพาะปลูกน้อยกว่าข้าว และมีอายุการเก็บเกี่ยวไม่เกิน 120 วัน โดยการทำนาปรังจะใช้น้ำในการเพาะปลูกข้าวประมาณ 1,500 ลบ.ม. ต่อไร่ แต่พืชใช้น้ำน้อยจะใช้น้ำต่อรอบฤดูปลูกน้อยกว่าประมาณ 30-70%
โดยจะปลูกในพื้นที่นาหลังจากเก็บเกี่ยวข้าวนาปีแล้ว (ช่วงเดือน พฤศจิกายน – เมษายน) ซึ่งพืชใช้น้ำน้อยหลายชนิดมีตลาดรองรับ และช่วยสร้างกำไรเฉลี่ยได้มากกว่าการทำนาปรัง (นาปรังกำไรเฉลี่ย 1,572 บาทต่อไร่) อาทิ มะเขือเทศ (กำไรเฉลี่ย 36,800 บาทต่อไร่) ฟักทอง (กำไรเฉลี่ย 34,890 บาทต่อไร่) แตงโม (กำไรเฉลี่ย 16,885 บาทต่อไร่) ข้าวโพดหวาน (กำไรเฉลี่ย 7,720 บาทต่อไร่) และถั่วลิสง (กำไรเฉลี่ย 2,644 บาทต่อไร่) ทั้งนี้ เกษตรกรที่สนใจสามารถขอคำปรึกษาและคำแนะนำในการปลูกพืชใช้น้ำน้อยทดแทนการทำนาปรังรอบสอง รวมทั้งการบริหารจัดการสินค้าเกษตร การวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับพื้นที่และความต้องการของตลาด และการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่าได้ที่สำนักงานเกษตรจังหวัดและสำนักงานเกษตรกรอำเภอใกล้บ้านท่าน