ค้นหา

ปีนี้ลิ้นจี่ผลผลิตวูบ คาดมิ.ย.นี้มีขายแค่ 8,374 ตัน

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์,ข่าวสดออนไลน์
เข้าชม 136 ครั้ง

นางธัญธิตา บุญญมณีกุล รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ลิ้นจี่ ปี 2567 โดยข้อมูลพยากรณ์ปริมาณการผลิตลิ้นจี่ ปี 2567 จากที่ประชุมคณะกรรมการสารสนเทศการเกษตร ครั้งที่ 7/2567 (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มิ.ย. 2567) คาดว่า การผลิตลิ้นจี่รวมทั้งประเทศปีนี้ มีเนื้อที่ให้ผล 85,260 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้วที่มีเนื้อที่ 87,695 ไร่ (ลดลง 2,435 ไร่ หรือ 2.78%) ให้ผลผลิต 17,045 ตัน ลดลงจากปีที่แล้ว 40,836 ตัน (ลดลง 23,791 ตัน หรือ 58.26%) ผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผล 200 กิโลกรัม/ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 466 กิโลกรัม/ไร่ (ลดลง 266 กิโลกรัม/ไร่ หรือ 57.08%)

สำหรับเนื้อที่ให้ผลรวมทั้งประเทศลดลง เนื่องจากแหล่งผลิตในภาคเหนือ เกษตรกรโค่นต้นลิ้นจี่เพื่อปรับเปลี่ยนไปปลูกพืชอื่น เช่น ยางพารา ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และไม้ผลอื่น เช่น ทุเรียน และแหล่งผลิต ในภาคกลาง เกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่สวนลิ้นจี่เพื่อปลูกทุเรียน มะพร้าวน้ำหอม และส้มโอ ซึ่งผลผลิตต่อเนื้อที่ให้ผลคาดว่าลดลง เนื่องจากหลายปีที่ผ่านมาผลตอบแทนไม่จูงใจ เกษตรกรจึงไม่ดูแลรักษา ประกอบกับช่วงเดือนธ.ค. 2566 ถึงเดือนม.ค. 2567 สภาพอากาศหนาวเย็นไม่ต่อเนื่อง เนื่องจากลิ้นจี่ต้องใช้อุณหภูมิต่ำประมาณ 15 องศาเซลเซียส ไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์ จึงจะมีการแทงช่อดอก ลิ้นจี่ในปีนี้จึงออกดอกช้ากว่าปีที่แล้ว บางส่วนแตกใบอ่อนแทนการแทงช่อดอก ภาพรวมผลผลิตทั้งประเทศจึงลดลง อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาถึงสถานการณ์ในแต่ละภาคจะพบว่า

ภาคเหนือ เนื้อที่ให้ผลรวม 76,052 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 3.10% ผลผลิต 14,577 ตัน ลดลง 57.07% เนื่องจากเกษตรกรโค่นต้นลิ้นจี่เพื่อปรับเปลี่ยน ไปปลูกพืชอื่น และหลายปีที่ผ่านมาผลตอบแทนลิ้นจี่ไม่จูงใจและเป็นพืชที่ดูแลยาก ประกอบกับสภาพอากาศหนาวเย็นไม่ต่อเนื่อง ทำให้ลิ้นจี่ในปีนี้ออกดอกช้ากว่าปีที่แล้วอีกทั้งต้นลิ้นจี่บางส่วนแตกใบอ่อนแทนการแทงช่อดอก ส่งผลให้ผลผลิตลดลง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ให้ผล 3,188 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3.37% ผลผลิต 1,874 ตัน ลดลง 4.92% เนื้อที่ให้ผลคาดว่าเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว เนื่องจาก จ.นครพนม ที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญ มีต้นลิ้นจี่ที่ปลูกใหม่ในปี 2564 เริ่มให้ผลผลิตได้ในปีนี้เป็นปีแรก แต่เนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็นไม่ต่อเนื่อง สลับกับมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น ทำให้ลิ้นจี่ออกดอกล่าช้า และไม่ติดผล ส่งผลให้ผลผลิตลดลง

ภาคกลาง เนื้อที่ให้ผล 6,020 ไร่ ลดลงจากปีที่แล้ว 1.68% ผลผลิต 594 ตัน ลดลง 87.91% ซึ่งเนื้อที่ให้ผลคาดว่าลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากเกษตรกรปรับเปลี่ยนพื้นที่สวนลิ้นจี่ เพื่อปลูกทุเรียน มะพร้าวน้ำหอม และส้มโอ และจากสภาพอากาศหนาวเย็นไม่ต่อเนื่อง ทำให้ลิ้นจี่แตกใบอ่อนแทนการแทงช่อดอก โดยเฉพาะในจ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ ได้รับผลกระทบมากที่สุด ต้นลิ้นจี่ไม่สามารถออกดอกและติดผลได้ ผลผลิตจึงลดลงด้วย

ภาพรวมของผลผลิตลิ้นจี่ ปีนี้ลดลง โดยผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด มาตั้งแต่เดือนมี.ค.-ก.ค. 2567 โดยผลผลิตออกมากสุดในเดือนพ.ค. และมิ.ย. ซึ่งในเดือนมิ.ย.นี้ จะออกประมาณ 8,387 ตัน ทั้งนี้ สศก. จะได้ติดตามสถานการณ์การผลิตอย่างต่อเนื่องต่อไปและจะรายงานผลพยากรณ์รอบต่อไปให้ทราบเป็นระยะต่อไป โดยข้อมูลพยากรณ์ จะนำไปใช้ในการบริหารจัดการไม้ผลในที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกร อันเนื่องมาจากผลผลิตการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) และนำเสนอต่อคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการบริหารจัดการผลไม้ต่อไป

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.khaosod.co.th/economics/news_777777781517