ค้นหา

คาดสับปะรดปัตตาเวียภาคตะวันตก ผลผลิตรวม 6.2 แสนตัน

สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 ราชบุรี (สศท.10) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)
เข้าชม 148 ครั้ง

สับปะรดปัตตาเวียภาคตะวันตก ปีนี้ ผลผลิตรวม 6.2 แสนตัน แนะเกษตรกรวางแผนการผลิตและควบคุมคุณภาพ

น.ส.ศิริพร จูประจักษ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 10 ราชบุรี (สศท.10) สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสถานการณ์การผลิตสับปะรดปัตตาเวีย ปี 2567 ของภาคตะวันตก 4 จังหวัด ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสำคัญของประเทศ ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี เพชรบุรี และกาญจนบุรี ซึ่งจากข้อมูลการประชุมบริหารจัดการการผลิตและการตลาดสินค้าสับปะรด ระดับเขต ครั้งที่ 1/2567 (ข้อมูล ณ 19 มิถุนายน 2567) คาดว่า มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 4 จังหวัด รวม 175,368 ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 160,223 ไร่ (เพิ่มขึ้น 15,145 ไร่ หรือร้อยละ 9) ด้านผลผลิตรวม 4 จังหวัด 619,990 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีจำนวน 560,744 ตัน (เพิ่มขึ้น 59,246 ตัน หรือร้อยละ 11) ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 3,535 กิโลกรัม/ไร่ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่จำนวน 3,500 กิโลกรัม/ไร่ (เพิ่มขึ้น 35 กิโลกรัม/ไร่ หรือร้อยละ 1) ทั้งนี้ ผลผลิตสับปะรดปัตตาเวียออกสู่ตลาดตลอดทั้งปี โดยตั้งแต่เดือนมกราคม-มิถุนายน 2567 มีผลผลิตออกสู่ตลาด 318,592 ตัน หรือร้อยละ 51 และช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2567 จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดอีก 301,398 ตัน หรือร้อยละ 49 ซึ่งจะออกมากที่สุดในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน 2567

จากการติดตามสถานการณ์ของ สศท.10 พบว่า เนื้อที่เก็บเกี่ยวของภาคตะวันตกเพิ่มขึ้น เนื่องจากปี 2566 ประสบกับภาวะฝนทิ้งช่วงยาวนาน ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าปกติ และมีอุณหภูมิสูงขึ้นจากปรากฏการณ์เอลนีโญ ส่งผลให้ต้นสับปะรดไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถบังคับให้ออกผลได้เช่นปีปกติ สำหรับในปี 2567 กรมอุตุนิยมวิทยาคาดว่าปรากฏการณ์เอลนีโญ มีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากนั้นจะมีสภาพเป็นกลางตั้งแต่เดือนเมษายน ถึงมิถุนายน 2567 และมีแนวโน้มจะเปลี่ยนเข้าสู่สภาวะลานีญาในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนกันยายน 2567 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ส่งผลให้ต้นสับปะรดจะสมบูรณ์และฟื้นตัวเร็วขึ้น สามารถบังคับให้ติดผลเพิ่มขึ้น สำหรับผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นจากสัดส่วนต้นสับปะรดปีแรกที่ไม่ได้ให้ผลผลิตในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการบังคับผลผลิตเมื่อปลายปี 2566 และสามารถเก็บผลผลิตได้ในปี 2567 ประกอบกับราคายังอยู่ในเกณฑ์ดี เกษตรกรจึงดูแลรักษาดีขึ้น ภาพรวมผลผลิตของภาคตะวันตกเพิ่มขึ้นจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของเนื้อที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตต่อไร่ หากพิจารณาแยกเป็นรายจังหวัด พบว่า ประจวบคีรีขันธ์ มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 118,819 ไร่ (เพิ่มขึ้น 12,985 ไร่ หรือร้อยละ 12) ผลผลิตรวม 458,128 ตัน (เพิ่มขึ้น 53,524 ตัน หรือร้อยละ 13) ผลผลิตเฉลี่ย 3,856 กิโลกรัม/ไร่ (เพิ่มขึ้น 33 กิโลกรัม หรือร้อยละ 1) ราชบุรี มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 25,787 ไร่ (เพิ่มขึ้น 747 ไร่ หรือร้อยละ 3) ผลผลิตรวม 72,318 ตัน (เพิ่มขึ้น 2,891 ตัน หรือร้อยละ 4) ผลผลิตเฉลี่ย 2,804 กิโลกรัม/ไร่ (เพิ่มขึ้น 31 กิโลกรัม หรือร้อยละ 1) เพชรบุรี มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 20,636 ไร่ (เพิ่มขึ้น 2,005 ไร่ หรือร้อยละ 11) ผลผลิตรวม 60,138 ตัน (เพิ่มขึ้น 5,381 ตัน หรือร้อยละ 10) ผลผลิตเฉลี่ย 2,914 กิโลกรัม/ไร่ (ลดลง 25 กิโลกรัม หรือร้อยละ 1) และกาญจนบุรี มีเนื้อที่เก็บเกี่ยว 10,126 ไร่ (ลดลง 592 ไร่ หรือร้อยละ 6) ผลผลิตรวม 29,406 ตัน (ลดลง 2,568 ตัน หรือร้อยละ 8) ผลผลิตเฉลี่ย 2,904 กิโลกรัม/ไร่ (ลดลง 79 กิโลกรัม หรือร้อยละ 3)

ด้านราคาสับปะรดปัตตาเวียที่เกษตรกรขายได้ ขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2565 เป็นต้นมา และยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากภาวะภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงานแปรรูปและตลาดบริโภคผลสด ซึ่งในช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2567 ราคาเฉลี่ยของสับปะรดปัตตาเวียที่เกษตรกรขายได้ ส่งเข้าโรงงาน ราคา 11.25 บาท/กิโลกรัม และส่งเข้าตลาดบริโภคผลสด เท่ากับ 16.01 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2566 ร้อยละ 33.48 และร้อยละ 23.65 โดยราคาเฉลี่ย ณ เดือนมิถุนายน 2567 ของสับปะรดปัตตาเวีย ส่งโรงงานอยู่ที่ 12.70 บาท/กิโลกรัม และส่งเข้าตลาดบริโภคผลสด เท่ากับ 15.92 บาท/กิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ร้อยละ 3.60 และร้อยละ 0.27 (ราคา ณ ไร่นา เฉลี่ย 3 สัปดาห์ วันที่ 17 มิถุนายน 2567) ผลผลิตสับปะรดปัตตาเวียส่วนใหญ่ ร้อยละ 92 เกษตรกรขายส่งเข้าโรงงานแปรรูปสับปะรด อีกร้อยละ 8 เกษตรกรจำหน่ายให้กับพ่อค้าผู้รวบรวมในพื้นที่เพื่อส่งขายตลาดบริโภคผลสด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลผลิตสับปะรดปัตตาเวียยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของโรงงาน ซึ่งราคาอยู่ในเกณฑ์ดีจูงใจให้เกษตรเร่งบังคับผลผลิต ส่งผลให้ผลผลิตออกสู่ตลาดพร้อมกัน เพื่อลดปัญหาผลผลิตส่วนเกินและราคาตกต่ำแนะเกษตรกร ผู้ปลูกสับปะรดปัตตาเวีย ควรมีการวางแผนการบังคับผลผลิตสับปะรดเพื่อไม่ให้ผลผลิตเกิดการกระจุกตัว หรือปรับแผนการผลิตเป็นสับปะรดบริโภคผลสดแทนบางส่วน เพื่อลดความเสี่ยง และสร้างเสถียรภาพด้านราคาในระยะยาว โดยการร่วมมือกับโรงงานแปรรูปทำ Contract Farming ซึ่งจะช่วยแก้ไขปัญหาทั้งด้านปริมาณผลผลิตและราคาสับปะรดปัตตาเวีย ให้มีเสถียรภาพและสร้างความยั่งยืนให้แก่เกษตรผู้ปลูกสับปะรด ทั้งนี้ ท่านที่สนใจข้อมูลสถานการณ์การผลิตสับปะรดปัตตาเวียภาคตะวันตก สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สศท.10 ราชบุรี โทร. 0-3233-7954 หรืออีเมล [email protected]

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.dailynews.co.th/news/3575408/