ค้นหา

ชู‘ปลากระบอกดำ’ราคาดี สัตว์น้ำเศรษฐกิจทางเลือกใหม่

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เข้าชม 61 ครั้ง

“การผลักดันสินค้าเกษตรมูลค่าสูงที่มุ่งเน้นให้มีการส่งเสริมและพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์พื้นถิ่นเพื่อเพิ่มมูลค่าและพัฒนาผลผลิตหรือสินค้าประมงที่มีมูลค่าสูง เป็นนโยบายหลักของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์

มีเป้าหมายให้การเกษตรไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี และประเทศไทยพัฒนาสู่ศูนย์กลางการเกษตรและอาหารของโลก” นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมงระบุ

โดยกรมประมงมีการวิจัยและพัฒนาสัตว์น้ำไปสู่สัตว์เศรษฐกิจ

ล่าสุดสามารถพัฒนา “ปลากระบอกดำ” ปลาทะเล ให้มีศักยภาพไปสู่สัตว์น้ำเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูงเนื่องจากเป็นปลาเนื้อขาวที่มีรสชาติดี ประชาชนนิยมนำมาทำอาหารบริโภคในหลากหลายเมนู อาทิ ปลา กระบอกต้มส้ม ปลากระบอกแกงส้ม ปลากระบอกทอดราดซอสมะขาม ปลากระบอกทอดกระเทียม ปลากระบอกทอดขมิ้น ฯลฯ

ในขณะที่ปลากระบอกใช้เวลาการเลี้ยงไม่นานก็ได้ขนาดตามที่ตลาดต้องการและขายได้ราคาดีที่ผ่านมากรมประมงประสบความสำเร็จในการเพาะพันธุ์ครั้งแรกในปี 2536 โดย นายนิเวศน์ เรืองพานิช อดีตผู้เชี่ยวชาญกรมประมง แต่ในช่วงเวลาดังกล่าวยังไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้ในปริมาณที่มากเพียงพอ

จนกระทั่งเมื่อปี 2561 ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง จังหวัดสงขลา ได้เริ่มดำเนินการศึกษาพัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์ปลากระบอกดำควบคู่ไปกับการพัฒนาการขุนเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์มาอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง

โดยรวบรวมพันธุ์ปลาจากธรรมชาติมาขุนเลี้ยงเป็นพ่อแม่พันธุ์ในบ่อปูน กระตุ้นฮอร์โมนเพื่อผสมพันธุ์และวางไข่จนสามารถผลิตลูกพันธุ์ในปริมาณมากได้สำเร็จในปี 2565 และดำเนินการพัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันพ่อแม่พันธุ์ที่ใช้ในการผลิตลูกพันธุ์ปลากระบอกดำเพื่อสนับสนุนและจำหน่ายให้แก่เกษตรกรเป็นพ่อแม่พันธุ์ในรุ่นที่ 3 สำหรับรูปแบบการเลี้ยงปลากระบอกในบ่อดินของเกษตรกรนั้นจะปล่อยลูกปลาขนาด 2-3 เซนติเมตร ที่ระดับความหนาแน่น 20,000-30,000 ตัว/ไร่

เลี้ยงด้วยอาหารปลากินพืชชนิดลอยน้ำ หรืออาหารปลาดุก โปรตีนประมาณ 25% ใช้เวลาการเลี้ยงจนได้ขนาดตลาด (8-12 ตัว/กิโลกรัม) เพียง 8-12 เดือน

สำหรับราคาจำหน่ายปลากระบอกแบบคละเพศมีราคา 180-250 บาทต่อกิโลกรัม และราคาจำหน่ายจะเพิ่มมากขึ้นถ้าปลากระบอกที่เลี้ยงได้ในบ่อดินมีไข่ตามธรรมชาติ

นายนิคม ละอองศิริวงศ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง กล่าวถึงวิธีการพัฒนาเทคนิคการเพาะเลี้ยงลูกปลากระบอกดำที่ดำเนินการภายในศูนย์ตั้งแต่ปี 2561

โดยลูกพันธุ์ที่ได้จากพ่อแม่พันธุ์ในแต่ละรุ่นจะมีการเลี้ยงด้วยอาหารปลาทะเลวัยอ่อนในช่วงแรก จากนั้นจะค่อยๆ ปรับเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ด เพื่อให้เกษตรกรที่ซื้อลูกพันธุ์ไปปล่อยในบ่อดินสามารถให้อาหารเม็ดแก่ลูกปลาได้ทันที

ปัจจุบันศูนย์มีศักยภาพในการผลิตและอนุบาลลูกพันธุ์ปลากระบอกขนาด 2-3 เซนติเมตร เพื่อจำหน่ายให้แก่เกษตรกรรุ่นละ 30,000-50,000 ตัว แต่ละรุ่นใช้ระยะเวลา 2 เดือน และมีแนวโน้มที่จะสามารถผลิตลูกพันธุ์ได้เพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ กรมประมงได้กำหนดราคาจำหน่ายลูกพันธุ์ปลากระบอกดำขนาด 2-3 เซนติเมตร ไว้ที่ 2.50 บาท/ตัว โดยมีเกษตรกรจากจังหวัดสงขลา พัทลุง และตรัง ให้ความสนใจและซื้อเพื่อนำไปทดลองเลี้ยงแล้วรวม 35,000 ตัว

ซึ่งเมื่อเลี้ยงจนถึงขนาดตามตลาดคาดว่าสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรเป็นเงินประมาณ 450,000 บาท

นายบัญชายังกล่าวเพิ่มเติมในตอนท้ายว่า เมื่อพิจารณาจากวิธีการเลี้ยง ระยะเวลาการเลี้ยง ราคาขายและต้นทุนการผลิต รวมถึงความต้องการ และความนิยมของผู้บริโภค ความสามารถในการขยายตัวของตลาด

การเลี้ยงปลากระบอกดำจึงเป็นสัตว์น้ำทางเลือกใหม่ให้แก่เกษตรกร เนื่องจากราคาดี คืนทุนเร็ว ในภาวะที่สัตว์น้ำหลายชนิดกำลังประสบกับปัญหาราคาตกต่ำ

เกษตรกรรายใดสนใจที่จะเลี้ยงปลากระบอกดำสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง ตำบลเขารูปช้าง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา โทร. 0-7431-1895 หรือ https://www4.fisheries.go.th/local/index.php/main/site/nica-songkhla

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_9459768