ค้นหา

ภาคใต้เสี่ยง “น้ำท่วม” อีกระลอก เตือนฝนตกหนักถึง 18 ธ.ค.2567

ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ทีมกรุ๊ป
เข้าชม 76 ครั้ง

ทีมกรุ๊ป วิเคราะห์สถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ยังน่าห่วง ฝนตกหนักซ้ำเติมพื้นที่น้ำท่วมเดิมใน 3 จังหวัดภาคใต้ ช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค.2567 เตือนประชาชนริมน้ำเฝ้าระวังต่อเนื่อง จับตามวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอีกระลอก วันที่ 23-24 ธ.ค.2567 นี้

นายชวลิต จันทรรัตน์ กรรมการและผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำ ทีมกรุ๊ป เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ โดยระบุว่า น้ำท่วมครั้งนี้ไม่คาดคิดว่าจะหนักขนาดนี้ เนื่องจากความกดอากาศสูง มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนมาแรงมากและไปดันความชื้นมวลเมฆในทะเลจีนใต้พัดเข้ามายังแหลมญวนของเวียดนาม ซึ่งฝนตกหนักและลมได้ตีย้อนกลับมายังจังหวัดชุมพร ซึ่งจากเดิมคาดว่าจะเป็นพื้นที่ของจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราช

ซึ่งขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดชุมพร ฝนได้ตกลดน้อยลง พื้นที่ที่ฝนตกหนักจะเป็นจังหวัดสุราษฎร์ธานีและจังหวัดนครศรีธรรมราช ก่อนจะลงไปยังจังหวัดสงขลาและ 3 จังหวัดภาคใต้ เป็นลำดับต่อไป ในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค.2567 นี้

สำหรับปริมาณน้ำในแม่น้ำตาปี จังหวัดสุราษฎร์ธานี ระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 43 เซนติเมตร ซึ่งประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำตาปี ต้องเฝ้าระวังต่อเนื่อง

คลองเสาธง ท่าดี จังหวัดนครศรีธรรมราช ระดับน้ำท่วมยังสูง ซึ่งฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมีระดับเพิ่มสูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่เขตเทศบาล และพื้นที่อำเภอเมือง

อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ที่คลองอู่ตะเภา ยังน่าห่วง โดยระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 4 เซนติเมตร และมีแนวโน้มที่ฝนจะตกเพิ่มมากขึ้้น ในวันที่ 16-17 ธ.ค.2567

ส่วนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ตั้งแต่แม่น้ำปัตตานี ซึ่งในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ยังมีน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ ในวันที่ 15-18 ธ.ค.2567 จะมีฝนตกลงมาอีก จะทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง ซึ่งปัจจัยหลักที่ต้องเฝ้าระวังคือ ปริมาณฝนและสถานการณ์น้ำในปัจจุบันของแต่ละพื้นที่

นายชวลิต ยังระบุถึงโอกาสฝนตกหนักและน้ำท่วม ว่าหลังจากนี้จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำที่ประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งมีทิศทางในลักษณะเดียวกัน และมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนอาจจะมีอีกระลอกในช่วงในวันที่ 23-24 ธ.ค.2567 ซึ่งถ้าอ่อนกำลังลงก็อาจจะมีโอกาสมาถึงประเทศไทยในบริเวณภาคตะวันออก รวมถึง กรุงเทพ นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี 

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.thaipbs.or.th/news/content/347230