นักวิจัย/เจ้าของนวัตกรรม/เจ้าของข้อมูล :
ชุมชนนิเวศสันติวนา ของ มูลนิธิอุร์สุลินเพื่อการศึกษา
ที่มา ข้อมูลเบื้องต้น : ทุกวันนี้ การทำเกษตรกลางกรุงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป พื้นที่ดาดฟ้าที่ว่างเปล่าก็สามารถใช้เป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชสวนครัวได้ หากใครมีพื้นที่น้อยก็สามารถปลูกพืชผัก ปลูกดอกไม้ได้ในรูปแบบ keyhole garden หรือที่เรียกกันติดปากว่า “แปลงผักรูกุญแจ” นั่นเอง วิธีนี้ นอกจากได้ปลูกผักสดไร้สารพิษแล้ว เศษอาหารที่เหลือทิ้งในบ้าน ยังนำมาต่อยอดเป็นปุ๋ยหมักบำรุงพืชผัก ให้เรากินได้อีกด้วย

ความสำคัญของปัญหา : keyhole garden หรือ “แปลงผักรูกุญแจ” มีจุดเริ่มต้นในทวีปแอฟริกา โดยมีเป้าหมายให้ชาวแอฟริกาที่อยู่อาศัยในสภาพภูมิประเทศแห้งแล้ง ยากต่อการทำเกษตร สามารถปลูกผักกินได้ตลอดทั้งปี แปลงผักรูกุญแจมีรูปทรงที่สวยงาม คงทน เป็นทั้งแปลงปลูกผักและหมักปุ๋ย ที่ดูแลจัดการง่ายแล้ว ยังช่วยประหยัดน้ำเพราะสามารถเก็บกักความชื้นภายในบ่อไว้ได้
จุดเด่นนวัตกรรม :
นวัตกรรมแปลงผักรูกุญแจ ถูกออกแบบให้มีรูปทรงคล้ายรูกุญแจ สูงจากพื้นประมาณ 1 เมตร สำหรับใส่เศษพืชผักที่เหลือทิ้งจากครัวเรือน ช่วยลดขยะเปียก เศษใบไม้แห้งจากชุมชนและครัวเรือน มีลักษณะคล้ายกับการทำปุ๋ยหมักไม่กลับกอง นวัตกรรมถูกเผยแพร่ไปทั่วโลกช่วยให้ประชาชนสามารถผลิตอาหารที่ปลอดภัยเพื่อบริโภคในครัวเรือน
การสร้างแปลงปลูกรูกุญแจ ทำให้มีพืชผักไว้บริโภคและมีแปลงไม้ดอกที่สวยงามแล้ว ยังสามารถทำปุ๋ยหมักเพื่อใช้ในครัวเรือนได้อีก โดยนำเศษอาหาร วัชพืชหรือเศษใบไม้มาลงในบ่อตรงกลาง หากใส่ไส้เดือนลงไปด้วย จะยิ่งช่วยกำจัดขยะอินทรีย์ได้ดีขึ้น หรือบางท้องถิ่นใส่น้ำหมักชีวภาพลงไป ทำให้เกิดการย่อยสลายเศษใบไม้แห้งที่ใส่ลงไปได้เร็วขึ้น ดินมีความร่วนซุย ไม่มีกลิ่นเหม็น พืชเจริญเติบโตได้ดี
หากนำนวัตกรรมนี้ ไปใช้งานไม่ต้องห่วงกังวลว่าความร้อนจากกระบวนการหมักที่เกิดขึ้นภายในบ่อจะส่งผลต่อการเจริญเติบโตของพืชด้านบนเนื่องจากมีการระบายความร้อนผ่านท่อตาข่ายที่อยู่ตรงกลางบ่อปุ๋ยหมักแล้ว นอกจากนี้ บริเวณภายในฐานของแปลงปลูกรูกุญแจ ที่ปูพื้นด้วยเศษก้อนหิน ก้อนอิฐ ทำให้เกิดการถ่ายเทของน้ำและอากาศด้านล่างได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3-4 เดือน ใบไม้ในบ่อเกิดการย่อยสลายลงระบบรากของพืชที่ปลูกเหล่านี้ ก็สามารถชอนไชลงไปหาแร่ธาตุอาหารได้จึงสามารถเจริญเติบโตได้อย่างดี ดังนั้น นวัตกรรมนี้จึงเหมาะกับการปลูกพืชอายุสั้นระบบรากตื้นในช่วงแรก ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นพืชผักสวนครัว เช่น โหระพา กะเพรา คะน้า ต้นหอม ฯลฯ เมื่อดินเกิดการยุบตัวลงจึงสามารถปลูกพืชที่มีระบบรากลึกได้เพื่อให้ใช้อาหารในระดับล่างได้ โดยดินและเศษใบไม้แห้งในแปลงปลูก เมื่อเกิดการย่อยสลายที่สมบูรณ์แล้วสามารถขุดออกมาเพื่อใช้เป็นปุ๋ยหมักได้อีกด้วย




ข้อมูลเพิ่มเติมสอบถามที่ :
Santi Wana Eco Community ชุมชนนิเวศน์สันติวนา
เลขที่ 53/2 ซอยวัดเวฬุวนาราม 18 ถนนสรงประภา เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ เบอร์โทร. 095-067-2728