ในสถานการณ์ราคายางพาราที่เอาแน่เอานอนมิใคร่ได้ หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของรัฐยังไม่อาจรู้เท่าทันเกมการค้า…กล้วยหอมทองดูจะเป็นพืชทางเลือกตัวใหม่ สำหรับพี่น้องชาวสวนยางภาคใต้
“ถ้าไม่เจอพายุถล่มสวน ปลูกกล้วยหอมทองปีเดียวดีกว่ากรีดยาง 10 ปี”
เป็นบทสรุปจากใจของ นายอาคม ดิษฐ์สุวรรณ เกษตรกรบ้านทวดทอง ต.โคกสัก อ.บางแก้ว จ.พัทลุง ที่ได้ประสบการณ์ชีวิตจริงจากการปลูกกล้วยหอมทอง 8 ไร่ มาได้ 1 ปี 2 เดือน
“เดิมผมก็ทำสวนยางเหมือนคนอื่นเขา แต่พอมาเห็นน้องชายโค่นสวนยาง เอากล้วยหอมทองมาลงแทน ปรากฏว่าแค่ 2-3 ปี สามารถปลดหนี้ได้หมด อยากจะลองทำบ้าง เลยเข้าโครงการขอเงินสงเคราะห์การโค่นยางไปปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน เริ่มแรกเอาทุเรียนมาลงก่อน แล้วเอากล้วยหอมทองหน่อละ 20 บาท พันธุ์จากบ้านลาด เพชรบุรี มาลงปลูกไว้เป็นร่มเงาให้ทุเรียน ลงไป 3,100 หน่อ”
นายอาคม เล่าให้ฟังถึงผลการลงปลูกกล้วยหอมทองครั้งแรก 3,100 ต้น ปรากฏว่า ขายได้เงินมาแค่ 4-5 แสนบาท
นี่เป็นแค่ผลงานรุ่นแรก ที่ยังไม่ได้ลงทุนระบบน้ำติดตั้งสปริงเกอร์… กล้วยหอมทอง รุ่น 2 ติดตั้งสปริงเกอร์เรียบร้อยแล้ว เงิน 6–7 แสนไม่หนีไปไหน และตอนนี้ได้ขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มมาเป็น 5,000 ต้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“เรื่องการตลาด กล้วยจะล้นตลาดเราไม่กลัว เพราะกล้วยหอมทองที่ปลูกกันไว้ตอนนี้ มีไม่พอขาย และเรายังมีวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเกษตรกรปลูกกล้วยหอมทองและไม้ผลปลอดภัย อ.บางแก้ว รับซื้อผลผลิตไปจำหน่ายต่อ ให้ราคาประกันกับสมาชิก ในช่วงปกติจะรับซื้อกล้วยหอมทอง เกรด A น้ำหนักหวีละ 2 กก.ขึ้นไป ในราคา กก.ละ 12-14 บาท แต่ถ้าเป็นช่วงตรุษจีนกับ สารทจีนจะได้ กก.ละ 17-18 บาท และถ้าเป็นกล้วยเกรดต่ำ น้ำหนักหวีน้อยกว่า 2 กก. จะได้แค่ กก.ละ 9 บาท”
อาคม บอกว่า การจะทำให้กล้วยขายได้ราคาเกรด A นั้นไม่ยาก เพียงแค่ดูแลเรื่องปุ๋ยกับน้ำเท่านั้นเอง…หลังจากลงหน่อปลูกไปได้ 1 เดือน ให้ใส่ปุ๋ยมูลไก่ผสมแกลบ อัตรา 1 กระสอบ (15 กก.) ต่อกล้วย 25 ต้น ปลูกไปได้ 3 เดือน ใส่ปุ๋ยมูลไก่ผสมแกลบเพิ่มไปอีก ต้นละ 3 กก. และเมื่อปลูกไปได้ 5-6 เดือน ถึงระยะกล้วยแตกปลี ให้ปุ๋ยมูลไก่ผสมแกลบ อัตรา 1 กระสอบ ต่อกล้วย 4 ต้น พร้อมกับใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ต้นละ 1 ช้อนแกง
สำหรับการให้น้ำนั้น จะให้วิธีสูบน้ำจากสระมาเข้าระบบสปริงเกอร์ ฉีดพ่นน้ำวันละ 20 นาที ในช่วงบ่าย 2-3 โมง ส่วนจะต้องใช้ถุงห่อเครือให้ผิวกล้วยสวย เพื่อจะให้ได้กล้วยคุณภาพเกรด A หรือไม่ อาคม บอกว่าไม่จำเป็น ขึ้นอยู่กับสภาพของสวน หากในสวนมีใบกล้วยขึ้นเต็มเป็นร่มเงาบังเครือกล้วยไม่ให้โดนแดด ไม่จำเป็นต้องห่อ แต่ถ้าสภาพสวนเครือกล้วยโดนแดดเผา จำเป็นต้องห่อเพื่อไม่ให้ผิวกล้วยกระด้าง…ทำเพียงเท่านี้ แล้วจะได้กล้วยหอมทองขายได้ราคาเกรด A.