ค้นหา

ข้าวโพดราคาพุ่งเฉลี่ย 11.09 บาทต่อกก.สูงกว่าราคาประกันรายได้ 8.50 บาท

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
เข้าชม 337 ครั้ง


จุรินทร์เผยราคาข้าวโพดพุ่งทะลุเพดาน คณะกรรรมการฯ เคาะการจ่ายส่วนต่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์งวดที่ 12 ไม่ต้องชดเชยเป็นงวดที่ 12 งวดติดต่อกัน หลังราคาเกินเพดานประกันรายได้ เฉลี่ยสูงถึงกิโลกรัมละ 11.09 บาท สูงกว่าราคาที่ประกัน 2.59 บาท

วันที่ 20 ตุลาคม 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ล่าสุดคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ประกาศเรื่อง การกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2564/65 มติไม่ต้องจ่ายเงินส่วนต่างสำหรับงวดที่ 12 ของโครงการประกันรายได้ปีที่ 3 เพราะราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ขณะนี้สูงทะลุราคาประกันรายได้

สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่มีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2564-31 พฤษภาคม 2565 และมีกำหนดเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2565 เป็นต้นไป โดยมีสิทธิ์ได้รับการชดเชยส่วนต่างรอบวันที่ 20 ตุลาคม 2565 สำหรับข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชนิดเมล็ดความชื้นไม่เกิน 14.5% กิโลกรัมละ 11.09 บาท

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์

ซึ่งราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงในครั้งนี้สูงกว่าราคาเป้าหมาย (กิโลกรัมละ 8.50 บาท) จึงไม่มีการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้แก่เกษตรกร ซึ่งราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้นได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และถ้าวันหนึ่งราคาตก ตราบเท่าที่มีรัฐบาลชุดนี้ จะช่วยประกันรายได้ให้พี่น้องเกษตรกร

สำหรับโครงการประกันรายได้เกษตรกร ที่เป็นนโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ในการเข้าร่วมรัฐบาล เข้าสู่ปีที่ 4 แล้ว เป็นหลักประกันรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกร ให้มีรายได้สองส่วนจากราคาที่ขายในตลาดและส่วนต่างจากรายได้ที่ประกัน โดยโอนเข้าบัญชี ธ.ก.ส.โดยตรง ได้ประกันรายได้ในพืชเกษตร 5 ชนิดประกอบด้วย ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์นั้น

นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลและกำหนดเกณฑ์กลางอ้างอิงโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เปิดเผยว่า การคำนวณส่วนต่างข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เมล็ดความชื้นไม่เกิน 14.5% สำหรับงวดที่ 12 อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 11.09 บาท สูงกว่าราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงเป้าหมายที่กำหนดไว้ที่ กก.ละ 8.50 บาท หรือสูงกว่าราคาประกันรายได้ 2.59 บาท ทำให้ไม่ต้องจ่ายชดเชยเป็นงวดที่ 12 ติดต่อกัน หลังจากราคาปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สำหรับการคำนวณปริมาณผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ได้ใช้วิธีการเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี (ปี 2562/63, 2563/64 และ 2564/65) ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 700 กก. ต่อไร่ คูณด้วยจำนวนไร่ตามที่เกษตรกรได้ขึ้นทะเบียนไว้ แต่ไม่เกินครัวเรือนละ 30 ไร่

ส่วนการกำหนดราคาอ้างอิง คณะอนุกรรมการฯ ได้ใช้ราคารับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ความชื้นไม่เกิน 14.5% ของกรมการค้าภายใน เฉลี่ยย้อนหลัง 30 วัน โดยถ่วงน้ำหนักราคาตามปริมาณผลผลิตรายจังหวัดที่ออกสู่ตลาดรายเดือนในเดือนที่กำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง จากจังหวัดที่มีปริมาณผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์มากที่สุด 10 อันดับแรก ตามข้อมูลของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครราชสีมา น่าน ตาก เลย นครสวรรค์ ลพบุรี เชียงราย พิษณุโลก และแพร่ เพื่อคำนวณการจ่ายส่วนต่าง

โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบให้ดำเนินโครงการเมื่อวันที่ 25 ต.ค.2564 ในกรอบวงเงิน 1,863 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือด้านรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดยจะจ่ายเดือนละครั้งทุกวันที่ 20 จนสิ้นสุดโครงการ โดยมีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดทั้งประเทศ 4.5 แสนครัวเรือน ปลูกมากที่สุด คือ จังหวัดเพชรบูรณ์ รองลงมา คือ จังหวัดตาก เชียงราย และกระจายอยู่ 17 จังหวัดภาคเหนือ กับหลายจังหวัดในภาคอีสานและมีภูมิภาคอื่นด้วยเล็กน้อย

ทั้งนี้ คณะกรรมฯได้ลงนามในประกาศเรื่อง การกำหนดราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและการชดเชยส่วนต่างราคาตามโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2564/65 โดยมีมติไม่จ่ายเงินส่วนต่างสำหรับงวดที่ 12 ของโครงการประกันรายได้ปีที่ 3 ที่จะจ่ายให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร โดยมีวันเพาะปลูกตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. 2564-31 พ.ค. 2565 และระบุวันที่คาดว่าจะเก็บเกี่ยวตั้งแต่วันที่ 20 ก.ย. 2565 เป็นต้นไป

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.prachachat.net/economy/news-1091282