กุ้งก้ามกรามเลี้ยงได้ทุกภาคทั่วประเทศ โดยเฉพาะกุ้งตัวผู้ไซส์ใหญ่ก้ามทอง ตลาดต้องการ เพราะโตเร็ว เนื้ออร่อย เกษตรกรได้ราคาดีกว่ากุ้งตัวเมีย 2 เท่า รวมถึงราคาดีกว่ากุ้งตัวผู้แบบอื่นประมาณ 30%
แต่ปัญหาคือ กุ้งก้ามกรามทั่วไปมักมีเปอร์เซ็นต์ตัวผู้ต่อตัวเมีย 50 : 50 แถมเพศผู้ที่ได้เป็นกุ้งก้ามทองน้อยมาก รวมถึงการเลี้ยงแบบเก่าของเกษตรกร ทำให้เวลาขายได้เงินไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ก้ามกรามเพศผู้ล้วน และโมเดลการเลี้ยงแบบใหม่จึงเกิดขึ้น
“เราเป็นหนึ่งในทีมงานที่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการทำกุ้งเพศผู้ล้วนจาก ดร.วิกรม รังสินธุ์ ภาควิชาสัตววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหา วิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตามโครงการมุ่งเน้นนำงานวิจัยที่มีอยู่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกรหรือผู้ประกอบการ จากนั้นพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงเฉพาะตัว แตกต่างจากการเลี้ยงแบบเดิม เพื่อให้กุ้งที่ได้เป็นกุ้งก้ามทองทั้งหมด จนได้สูตรสำเร็จในการเลี้ยง ใช้เวลาเลี้ยงน้อยกว่าเดิม เกษตรกรได้กำไรมากขึ้นและมีรายได้ตลอดการเลี้ยง”
สมประสงค์ เนตรทิพย์ หรือ มิ้ว ลูกกุ้งเศรษฐี บอกถึงที่มาของการทำกุ้งก้ามกรามเพศผู้ล้วน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 วิธีที่ใช้กันทั่วโลก พร้อมกับพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงให้เป็นกุ้งก้ามทอง…ด้วยการเริ่มที่เลือกลูกกุ้งเพศผู้ขนาดประมาณ 1.5 ซม. จากนั้นใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องผ่าดึงเอาต่อมแอนโดรจินิค หรือต่อมฮอร์โมนเพศผู้บริเวณหลังกุ้งออก เพื่อให้ต่อมฮอร์โมนพัฒนากลายเป็นเพศเมียแทน แต่ดีเอ็นเอและโครโมโซมยังเป็น ZZ ของเพศผู้ ที่เรียกกันว่า นีโอฟีเมล (neo female) เมื่อเอาไปผสมพันธุ์กับตัวผู้ตัวอื่น ลูกจะกลายเป็นตัวผู้ล้วนถึง 97.6%
แต่ทั้งนี้ต้องมาดูระยะเจริญเติบโตของกุ้งที่ผ่านการผ่าต่อมฮอร์โมน หากหัวกุ้งเกิดจุดดำ แสดงว่าเตรียมพัฒนากลายเป็นรังไข่ เลี้ยงต่อไปอีก 7 เดือน เพื่อทำเป็นแม่พันธุ์ได้ แต่หากหัวกุ้งเป็นเส้นขดสีขาว แสดงว่าอาจดึงต่อมออกไม่หมด หรือดึงไม่ถูกจุด ทำให้พัฒนากลับเป็นตัวผู้เหมือนเดิม เราจะไม่ใช้เป็นแม่พันธุ์
ส่วนโมเดลการเลี้ยงที่ทำให้ได้กุ้งก้ามทองที่ตลาดต้องการ มิ้ว ลูกกุ้งเศรษฐีแนะให้เริ่มที่ชำลูกกุ้งในบ่ออนุบาลก่อน 60 วัน จากนั้นนับจับย้ายลงบ่อเลี้ยงไร่ละไม่เกิน 7,000 ตัว (จากเดิมเกษตรกรมักลงกันไร่ละ 10,000-12,000 ตัว) เลี้ยงไป 70–80 วัน และทยอยจับขายแบบคัดไซส์ 20–25 ตัว/กก. ราว 25% พร้อมกับลากมาคัดตัวเมียที่หลุดรอดและตัวผู้ก้ามฟ้าที่พร้อมผสมพันธุ์ รวมถึงกุ้งตัวใหญ่ที่สุดออกขาย เมื่อไม่มีกุ้งสามจำพวกข้างต้น กุ้งตัวอื่นจะเจริญเติบโตได้ดีกว่า เพราะสามตัวนี้จะคุมตัวอื่นไม่ให้โต ด้วยฮอร์โมนเพศที่กุ้งพ่นใส่กัน
ทั้งนี้ เมื่อเอากุ้งเหล่านี้ออกไป ตัวถัดมาจะแย่งกันขึ้นมาเป็นจ่าฝูง พร้อมกับแย่งกันโต จะได้ขนาดถึงกว่า 10 ตัว/กก. ถัดไปอีก 2 สัปดาห์-1 เดือน ทยอยจับไซส์ใหญ่ออกอีกรอบประมาณ 25% สุดท้ายจึงจับคว่ำบ่ออีก 50% กลายเป็นเลี้ยงแค่ 5 เดือน จากเดิมลงกุ้งเยอะเลี้ยง 6-9 เดือน จับทีเดียวได้ไร่ละ 200 กก.
เมื่อมาเลี้ยงแบบทยอยจับได้ไร่ละกว่า 300 กก. เมื่อก่อนเลี้ยงได้ 1-2 รอบ ปัจจุบันเลี้ยงได้ 3-4 รอบ เลี้ยงสั้นกว่าแต่กำไรมากกว่า มีรายได้หมุนตลอดการเลี้ยง สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 06-2289-3562.