“มะม่วงน้ำดอกไม้” นับเป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ของจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมะม่วงน้ำดอกไม้ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) เมื่อปี 2561 จำนวน 2 สายพันธุ์ คือ น้ำดอกไม้เบอร์ 4 และน้ำดอกไม้สีทอง
มะม่วงน้ำดอกไม้สระแก้ว ที่ได้รับ GI ทั้ง 2 สายพันธุ์ ปี 2565 (ข้อมูลจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดสระแก้ว ปี 2564) มีเนื้อที่ยืนต้น 3,424 ไร่ เกษตรกรได้รับการขึ้นทะเบียน GI จำนวน 72 ราย โดยพื้นที่ปลูกครอบคลุม 6 อำเภอ ได้แก่ วังสมบูรณ์ วังน้ำเย็น วัฒนานคร เขาฉกรรจ์ เมือง และอรัญประเทศ
โดยมะม่วงน้ำดอกไม้ GI จะเริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 3 และเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 30 ปี ผลผลิตออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี
การพัฒนาสินค้าเกษตรอัตลักษณ์ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมมะม่วงน้ำดอกไม้ GI ของจังหวัดสระแก้ว เพื่อลดต้นทุนการผลิต เกษตรกรกลุ่มแปลงใหญ่และวิสาหกิจชุมชนมะม่วงน้ำดอกไม้ จำนวน 30 ราย ได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม แอร์บัส (Air blast) สำหรับใช้ฉีดพ่นสารเคมี ยาป้องกันกำจัดโรคและแมลง ฮอร์โมนและสารเร่งที่มีความจำเป็นต่อพืช ส่งผลให้ประหยัดเวลา ทำงานได้รวดเร็ว สะดวก ง่ายต่อเกษตรกรในการใช้งาน ลดแรงงานในการฉีดพ่นสารเคมี ซึ่งผลสำเร็จจากการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม แอร์บัส ดังกล่าว ส่งผลให้เกษตรกรสามารถลดต้นทุนและมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยต้นทุนการผลิตของเกษตรที่ใช้แอร์บัส มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 17,810 บาทต่อไร่ต่อปี ผลตอบแทนเฉลี่ย 33,760 บาทต่อไร่ต่อปี ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 15,950 บาทต่อไร่ต่อปี ขณะที่เกษตรกรที่ใช้เครื่องฉีดยาแบบปั๊มถัง (แบบเดิม) จะมีต้นทุนการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 21,378 บาทต่อไร่ต่อปี ผลตอบแทนเฉลี่ย 33,505 บาทต่อไร่ต่อปี ผลตอบแทนเฉลี่ยสุทธิ (กำไร) 12,127 บาทต่อไร่ต่อปี
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าเกษตรกรที่ใช้แอร์บัส มีต้นทุนการผลิตน้อยกว่าเกษตรกรที่ใช้แบบปั๊มถัง 3,568 บาทต่อไร่ต่อปี และมีผลตอบแทนสุทธิสูงกว่า 3,823 บาทต่อไร่ต่อปี