ผู้เขียน สะ-เล-เต
บ้านเรากำลังเผชิญกับมลพิษทางอากาศอย่างฝุ่น PM2.5 สาเหตุหลักมาจากควันท่อไอเสีย การเผาไหม้ต่างๆ รวมทั้งการเผาเศษวัชพืชทางการเกษตร
แม้จะมีการรณรงค์ให้เลิกเผาตอซังอย่างต่อเนื่องมาหลายปีดีดัก แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลนัก เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงต้องการความสะดวกสบาย แม้รู้อยู่เต็มอกการเผาส่งผลให้โครงสร้างของดินเปลี่ยนแปลง เกิดการสูญเสียน้ำในดิน รวมไปถึงทำลายจุลินทรีย์และแมลงที่เป็นประโยชน์ในดิน ส่งผลต่อชั้นบรรยากาศจากการปล่อยก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์ ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก และเกิดปัญหาค่ามลพิษทางอากาศ
รมว.เกษตรฯ เฉลิมชัย ศรีอ่อน เป็นห่วงพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะชาวนา มอบหมายให้กรมการข้าว เร่งแก้ปัญหาโดยคำนึงถึงส่วนรวมเป็นหลัก ส่งเสริมให้ชาวนาหันมาช่วยกันลดการเผาตอซังข้าว เปลี่ยนเป็นการไถกลบตอซังข้าวแทน เพื่อช่วยให้ดินมีคุณสมบัติทางกายภาพ ทางเคมี และทางชีวภาพดีขึ้น มีธาตุอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อดิน ทำให้ต้นข้าวเจริญงอกงามให้ผลผลิตดี
นอกจากนั้นยังส่งเสริมการปลูกข้าวแบบเปียกสลับแห้งที่ช่วยลดก๊าซมีเทนในดิน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขณะเดียวกันนำเอาเทคโนโลยีเกษตรอัจฉริยะ เข้ามาใช้ในการปรับระดับพื้นที่นาด้วยระบบเลเซอร์ (Laser Land Levelling) ที่จะช่วยให้การจัดการน้ำแบบเปียกสลับแห้งมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
การลดการเผาตอซังข้าวและการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง นอกจากจะมีส่วนช่วยในการลดก๊าซมีเทนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศได้แล้ว
ชาวนายังสามารถสร้างรายได้ทางเลือก โดยการขายคาร์บอนเครดิต โดยกรมการข้าวได้เริ่มส่งเสริมให้ชาวนาหันมาสนใจในการขายคาร์บอนเครดิต เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อน โดยได้เริ่มนำร่องในแปลงนา จ.สุพรรณบุรี สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรไปแล้วกว่าปีละ 8,000 บาท.