ค้นหา

ไกด์หนุ่มเมืองตรังพลิกผันชีวิตหันมาปลูกมะละกอส่งขายตลาดรุ่ง สร้างรายได้งาม

ว่าที่ ร.ท.ธนภัทร หลักเพชร
เข้าชม 609 ครั้ง

หนุ่มตรังเบื่ออาชีพไกด์กลับบ้านมาปลูกมะละกอ พร้อมนำเทคนิคใหม่ๆ มาใช้จนสำเร็จ ทำให้ต้นเตี้ย ดูแลง่าย เก็บง่าย สร้างเม็ดเงินให้อย่างงดงาม แถมผลผลิตยังมีคุณภาพเป็นที่ต้องการของตลาดสูง

ว่าที่ ร.ท.ธนภัทร หลักเพชร หรือแบงก์ อายุ 37 ปี ซึ่งเรียนจบปริญญาตรีสาขาการท่องเที่ยว จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย (มทร.) สงขลา และเคยทำงานเป็นไกด์ในกรุงเทพฯ โดยรับผิดชอบพาลูกค้าไปท่องเที่ยวประเทศต่างๆ จนแทบจะทุกเมือง ตลอดระยะเวลา 5 ปี แต่กลับรู้สึกเบื่อหน่ายในงานที่ทำนี้ และปรึกษาครอบครัวเพื่อขอกลับมาทำธุรกิจเล็กๆ ที่บ้านเกิดในเมืองตรัง เมื่อปี 2560 ก่อนที่จะพลิกผันชีวิตด้วยการนำผืนดินที่มีเนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ บริเวณหมู่ที่ 6 บ้านสันตัง ต.หนองตรุด อ.เมืองตรัง มาทดลองทำการเกษตรหลายชนิด เช่น ปลูกต้นอินทผลัม สละ มะพร้าวน้ำหอม ทุเรียน และได้มาลุยอย่างจริงจังในช่วงสถานการณ์โควิด-19

กระทั่งในที่สุดเขาค้นพบว่า มะละกอพันธุ์เรดเลดี้ เป็นพืชเศรษฐกิจที่น่าสนใจที่สุด จึงยอมโค่นต้นอินทผลัม ซึ่งปลูกแล้วไม่ได้ผล เนื่องจากภาคใต้มีอากาศร้อนชื้น ไม่ใช่ร้อนจัดอย่างที่อินทผลัมชอบ แล้วนำมะละกอมาปลูกลงไปแทน โดยเริ่มจากไม่กี่ร้อยต้น พร้อมกับศึกษาเรียนรู้พัฒนาคุณภาพไปเรื่อยๆ จนสามารถขยายพื้นที่ปลูกมะละกอได้ถึง 1,000 ต้น หรือให้ผลผลิตเป็นรุ่นที่ 8 แล้ว และตั้งเป้าหมายที่จะปลูกให้ได้ถึง 5,000 ต้นในปีหน้า เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของตลาด ทั้งในท้องถิ่น หรือจังหวัดท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น ภูเก็ต พังงา กระบี่ รวมทั้งห้างยักษ์ใหญ่อย่างเซ็ลทรัล ที่ต้องการมะละกอกินสุกสัปดาห์ละ 2-3 ตัน ขณะที่ปัจจุบันผลิตได้แค่ 200-300 กิโลกรัมเท่านั้น

โดยว่าที่ ร.ท.ธนภัทร หลักเพชร บอกว่า จุดเด่นมะละกอที่สวนของตนคือ ปลอดสารเคมี หวานอร่อย และผิวสวย จนได้เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหาร เพราะดูแลเอาใส่ บำรุงต้น และให้ปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ พร้อมยอมรับว่าในภาคใต้อาจจะปลูกมะละกอได้ยากกว่าภาคอื่นๆ เนื่องจากมีฝนตกเกือบทั้งปี ทำให้มีปัญหารากเน่า และผลเป็นรา แต่น่าดีใจที่ตรงที่ผลผลิตของมะละกอในภาคใต้กลับมีคุณภาพดีที่สุด จนเป็นที่ต้องการของตลาดสูง ชนิดที่ว่าผลิตเท่าไหร่ก็ไม่เพียงพอ ส่งผลให้ราคามะละกอถีบตัวสูงขึ้นตามลำดับ โดยเกรดทั่วไปราคาส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 25 บาท ปลีก 30 บาท ส่วนเกรด A ราคาส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 35 บาท ปลีก 50 บาท

สำหรับมะละกอพันธุ์เรดเลดี้ ที่เขานำมาปลูกนั้นจะเป็นแบบเนื้อเยื่อ ซึ่งปลูกไปแค่ 6 เดือนครึ่ง จะเริ่มให้ผลผลิตต่อเนื่องไปจนอายุต้นได้ราวๆ 2 ปี หรือได้ผลผลิตประมาณ 400-500 ลูก สร้ายรายได้ให้ต้นละ 8,000-10,000 บาท นอกจากนั้น ตนยังได้ทดลองทำมะละกอแบบต้นเตี้ย หรือให้ต้นเอนไปกับพื้นดิน ด้วยการกรีดต้นเป็น 4-6 แฉก ตั้งแต่อายุได้ 2 เดือน ก่อนบิดต้นให้โน้มลงต่ำ ทำให้ได้มะละกอที่ต้นแข็งแรงมาก ต้นเตี้ย ดูแลและเก็บผลผลิตง่าย แถมมีอายุเก็บเกี่ยวได้นานกว่าการปลูกแบบต้นตรงๆ ขณะที่จำนวนผลผลิตไม่ต่างกัน ซึ่งถือเป็นเทคนิคใหม่ๆ ของการปลูกมะละกอ โดยผู้สนใจที่ต้องการมาเรียนรู้สามารถติดต่อได้ที่ไร่ทรัพย์สมบูรณ์ โทร.08-6941-1988

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://mgronline.com/south/detail/9660000030133