ค้นหา

ยกระดับ “ฟักข้าว” พืชพื้นบ้าน พัฒนาสู่ผลิตภัณฑ์สบู่-เซรั่ม ภายใต้แบรนด์ “ชาลิเย่” ส่งขายทั่วประเทศ

มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรบ้านโตนดิน
เข้าชม 431 ครั้ง

มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต จับมือวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเกษตรบ้านโตนดินใน “โตนดินฟาร์มสเตย์” ศึกษาวิจัยและยกระดับ “ฟักข้าว” พืชพื้นบ้าน สู่สินค้าเชิงพาณิชย์ของชุมชนสบู่ เซรั่ม ภายใต้ แบรนด์ “ชาลิเย่” ส่งขายทั่วประเทศ

วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโตนดินใน “โตนดินฟาร์มเสตย์” อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ได้นำ “ฟักข้าว” ซึ่งเป็นพืชพื้นบ้านที่ปลูกกันในครัวเรือน แทบจะไม่มีราคา มาแปรรูปเป็นสบู่ และเซรั่มบำรุงผิว โดยได้รับการสนับสนุนจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ในการศึกษาวิจัย ภายใต้โครงการบริการให้คำปรึกษาและข้อมูลเทคโนโลยี เพื่อยกระดับสินค้าทางการเกษตรและต่อยอดให้เป็นผลิตภัณฑ์ฟักข้าวเชิงพาณิชย์ ภายใต้แบรนด์ “ชาลิเย่” ซึ่งประกอบด้วย เซรั่มฟักข้าว และสบู่ฟักข้าว โดยมีจุดเด่นที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ

โดยทางมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต และบริษัท คอสเมด แอนด์ แอมไท-เจจิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์สบู่และเซรั่มฟักข้าว ร่วมกันส่งมองผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโตนดินใน “โตนดินฟาร์มเสตย์” โดยมี น.ส.ศุฑภไศรเครือวัล ทองสกุล ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโตนดินใน เป็นตัวแทนรับมอบ โดยมี น.ส.ภัทรกันยา ชูวงศ์ หัวหน้าสำนักงานจังหวัดพังงา เป็นประธาน พร้อมด้วย ผศ.ดร.ดวงรัตน์ โกยเจริญ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ผศ.รังสรรค์ ผลสมัคร คณบดีคณะวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี ดร.อนิตทยา กังแฮ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี น.ส.กานต์จนาภา สถิรชวาล ตัวแทนจากบริษัท คอสเมด แอนด์ แอมไท-เจจิ้ง จำกัด ตัวแทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธนาคาร ธ.ก.ส.) จ.พังงา หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม เมื่อวันที่ 3-4 พ.ย.ที่ผ่านมา ณ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโตนดินใน “โตนดินฟาร์มเสตย์”

ดร.อนิตทยา กังแฮ อาจารย์ประจำคณะ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ได้เข้ามาถ่ายทอดความรู้ในการนำฟักข้าวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ “สบู่ฟักข้าว” ให้วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโตนดินใน “โตนดินฟาร์มเสตย์” มาแล้ว ซึ่งได้ผลในระดับหนึ่ง โดยทางวิสาหกิจได้ทำเป็นสบู่ฟักข้าวออกขายในราคาก้อนละ 50 บาท ซึ่งได้รับการตอบรับดีมาก แต่ฟักข้าวยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจอีกหลายอย่าง จึงได้นำไปศึกษา สกัด วิเคราะห์ และทดลอง ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ในตัวเนื้อของฟักข้าวมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และมีวิตามินที่สำคัญ เช่น วิตามินซี เป็นต้น

จากนั้นจึงได้นำสารตั้งต้นทั้ง 2 ชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติในการช่วยชะลอวัย และบำรุงผิวหนังมาเป็นสารตั้งต้นในการทำผลิตภัณฑ์ออกมา 2 ชนิด คือ สบู่ฟักข้าว และเซรั่มฟักข้าว โดยผลิตออกมาภายใต้ชื่อแบรนด์ “ชาลิเย่” โดยผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดนี้มีคุณสมบัติเด่น คือ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส ลดเลือนริ้วรอย และสร้างความชุ่มชื่น โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องฝ้า กระ เมื่อใช้จะทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสขึ้น

และที่สำคัญผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิดได้รับการผลิตโดยบริษัท คอสเมด แอนด์ แอมไท-เจจิ้ง จำกัด ที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ชาลิเย่ มีคุณสมบัติเฉพาะที่ไม่เหมือนใคร โดยเฉพาะในส่วนของ สบู่ที่มีการพัฒนาในเรื่องของกลิ่น ซึ่งกลิ่นเป็นกลิ่นเฉพาะ หอมไม่เหมือนใคร และผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิด ผ่านการรับรองจาก อย. แล้ว หลังจากนี้อาจผลิผลิตภัณฑ์ตัวใหม่เพิ่มขึ้น เช่น ครีมกันแดด เป็นต้น

ขณะที่ น.ส.ศุฑภไศรเครือวัล ทองสกุล ประธานวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านโตนดินใน กล่าวถึงที่มาของผลิตภัณฑ์ สบู่ฟักข้าว และเซรั่มฟักข้าว ภายใต้แบรนด์ “ชาลิเย่” ว่า ในส่วนของโตนดินฟาร์มสเตย์ ซึ่งเป็นวิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ได้ปลูกต้นฟักข้าวไว้เป็นให้เป็นร่มเงา เมื่อมีผลผลิตออกมาไม่รู้จะเอาไปไหน ทั้งๆ ที่รู้ว่าในตัวฟักข้าวมีประโยชน์มาก จึงได้ขอคำปรึกษาไปยังอาจารย์ของมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ซึ่งทางอาจารย์ได้มาสอนให้ทำ สบู่จากฟักข้าว ซึ่งช่วงนั้นทำกันแบบบ้านๆ ใส่ส่วนผสมเนื้อฟักข้าวและน้ำผึ้งลงไป เมื่อทำออกมาขายปรากฏว่าได้รับการตอบรับดีมาก ทำขายไม่ทัน เพราะฟักข้าวจะให้ผลผลิตเพียงปีละครั้งเท่านั้น

หลังจากนั้น ได้ขอคำปรึกษาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดียิ่งขึ้น โดยแจ้งความประสงค์ไปยังมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ว่า อยากนำฟักข้าวไปทำสบู่ และเซรั่ม ทางคณะอาจารย์ได้เข้ามาส่งเสริมอย่างจริงจัง โดยการถ่ายทอดความรู้ ศึกษาวิจัย เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ให้เป็นสินค้าเชิงพาณิชย์ หลังจากที่มีการศึกษาวิจัยจนได้คุณสมบัติที่ชัดเจน ได้ร่วมกับทีมวิจัยของโรงงานผลิตเครื่องสำอางในการทำผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ชนิด ออกมาภายใต้แบรนด์ “ชาลิเย่”

ขณะนี้สามารถที่จะวางขายในช่องทางต่างๆ ได้แล้ว ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ “โตนดินฟาร์ม สเตย์” โดยในเบื้องต้น ผลิตออกมาจำนวน 1,000 ขวด และ 1,000 ก้อน เพื่อทดลองตลาดก่อน หากกระแสตอบรับดี หลังจากนั้นจะมีการสั่งผลิตเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งตอนนี้เริ่มมีตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นชาวบ้านที่เคยใช้สบู่มาก่อนจะไปบอกต่อ ทำให้เริ่มมียอดสั่งเข้ามาแล้ว

น.ส.ศุฑภไศรเครือวัล กล่าวอีกว่า หลังจากนี้จะมีการพัฒนาตัวผลิตภัณฑ์จากฟักข้าวเพิ่มขึ้นอีกตัว คือ “ครีมกันแดดฟักข้าว” เพราะจากการศึกษาวิจัยพบว่า ในฟักข้าวนอกจากจะมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และ วิตามินซีแล้ว ยังมีสารเบต้าแคโรทีน ซึ่งเป็นสารที่ป้องกันแสงแดดได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของตัวฟักข้าวนั้น ทางวิสาหกิจได้รับซื้อจากชาวบ้าน เดิมทีนั้นขายได้กิโลกรัมละ 15 บาท จึงทำให้ไม่ค่อยมีคนปลูก ทำให้มีผลผลิตน้อย แต่หลังจากที่มีการพัฒนานำฟักข้าวมาเป็นเป็นเวชสำอาง ทางวิสาหกิจได้รับซื้อจากชาวบ้านกิโลกรัมละ 30 บาท ชาวบ้านจึงปลูกเพิ่มขึ้น และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่ปลูกฟักข้าวเพิ่ม เพื่อให้เพียงพอต่อการนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตทั้งสบู่ และเซรั่มต่อไป

สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะใช้ผลิตภัณฑ์หรือเป็นตัวแทนจำหน่าย สามารถที่จะติดต่อได้ที่โทร.08-1691-2843

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://mgronline.com/south/detail/9660000099939