จากสภาพอากาศของไทยที่ร้อนจัด ทำให้เริ่มส่งผลกระทบต่อผู้เลี้ยงปลากะพงในกระชังที่ ต.เกาะยอ เพราะน้ำร้อนขึ้นเสี่ยงปลาน็อกน้ำตาย เพราะสาหร่ายจะโตเร็วไปแย่งออกซิเจนปลา โดยต้องปฏิบัติตามคำแนะนำนักวิชาการประมงปรับสูตรอาหาร และปริมาณประคองจนกว่าจะพ้นฤดูร้อน
จากสภาพอากาศที่ร้อนจัดในปีนี้ซึ่งนอกจากจะกระทบเกษตกรที่ปลูกผลไม้เช่นทุเรียนที่หลายพื้นที่ต้องยืนต้นตายเพราะขาดน้ำ ในส่วนของผู้เลี้ยงปลากะพงขาวในกระชัง ในทะเลสาบสงขลา พื้นที่ ต.เกาะยอ อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นแหล่งเลี้ยงปลากะพงขาวที่ใหญ่ที่สุดของ จ.สงขลา และว่ากันว่าเป็นปลากะพงที่รสชาติอร่อยเพราะเป็นปลา 3 น้ำ ทั้งน้ำจืด น้ำกร่อย ผสมกัน โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อนปีนี้ซึ่งร้อนมากอาจเสี่ยงที่จะทำให้ปลาน็อกน้ำตายยกกระชังได้ เพราะบางกระชังต้องใช้เวลาเลี้ยงถึง 2 ปี
ผู้สื่อข่าวจึงลงพื้นที่ ไปดูวิธีการดูแลปลากะพงขาวของผู้เลี้ยงปลาในทะเลสาบสงขลาที่ ต.เกาะยอ เช่น นายจารึก กาลานุสนธิ์ เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาวทั้งหมด 10 กระชัง ช่วงหน้าร้อนต้องดูแลเป็นพิเศษทั้งเรื่องความสะอาดและอาหาร โดยต้องทำความสะอาดกระชัง เพราะหน้าร้อนสาหร่ายพืชน้ำอาจจะโตได้เร็วขึ้น จะไปแย่งอากาศในน้ำ อาจทำให้ปลาขาดออกซิเจนตายได้ และต้องไม่ให้กระชังอุดตันเพื่อให้น้ำไหลผ่านได้
นายจารึก กล่าวว่า ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องของอาหารปลา ได้ปรับแผนการเลี้ยงปลาตามคำแนะนำของนักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมสัตว์น้ำชายฝั่ง จ.สงขลา อย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผ่านพ้นหน้าร้อนไปอย่างปลอดภัยไม่มีปลาตาย โดยใช้อาหารเม็ดให้ปลากะพงขาวกินสลับกันกับปลาสดแบบสลับวัน และต้องลดปริมาณอาหารลง เพื่อไม่ให้อาหารตกค้างทำให้น้ำเน่าเสีย
เกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาว ต.เกาะยอ กล่าวต่อว่า ปลากะพงขาวที่เลี้ยงทั้งหมด 10 กระชัง มีปลาขนาดใหญ่ประมาณ 3 กก. จำนวน 6 กระชัง ปลาเล็กขนาด 3 ขีดอยู่ 4 กระชัง อาหารสดเนื้อปลาให้ปลากินวันละ 125 กก. ถ้าให้อาหารเม็ดวันละ 2 กระสอบ 40 กก. เฉพาะปลาขนาดใหญ่ ปลาเล็กให้วันละ 5 กก. โดยจะให้แค่ปลากินหมดเท่านั้น นี่คือวิธีการเลี้ยงปลากะพงขาวในกระชังของเกษตรกรใน ต.เกาะยอ ช่วงหน้าร้อนปีนี้เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติอากาศร้อนไปได้.