วันสิ่งแวดล้อมโลกในวันที่ 5 มิ.ย. ปีนี้ เน้นไปที่การฟื้นฟูดิน เพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนสภาพจากดินแห้งแล้งจนกลายเป็นทะเลทราย และการสร้างภูมิคุ้มกันต่อความแห้งแล้ง ภายใต้คำขวัญที่ว่า “ดินแดนของเรา อนาคตของพวกเรา” Our land. Our future.#Generation Restoration.
เพราะความเสื่อมโทรมของที่ดินเป็นภัยคุกคามต่อโลก ท่ามกลางจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ขณะนี้พื้นที่ทั่วโลกมากกว่า 12,500 ล้านไร่ หรือพื้นที่เทียบเท่ากับอินเดีย และสหพันธรัฐรัสเซีย รวมกันมีสภาพเสื่อมโทรม และในทุก ๆ ปีพื้นที่ประมาณ 75 ล้านไร่ ได้สูญเสียไปจากการย่อยสลาย ส่งผลกระทบต่อแหล่งอาหารและนํ้าทั่วโลก ในทุก ๆ ปี ประชากรชาวโลกจำนวน 55 ล้านคน ได้รับผลกระทบโดยตรงจากภัยแล้ง
ส่งผลต่อการเลี้ยงสัตว์และการทำเกษตรในเกือบทุกส่วนของโลก อย่างไรก็ตามการสูญสลายของผืนดินที่เคยสร้างผลผลิต จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อกลุ่มคนเปราะบาง นอกจากนี้ยังพบว่าความเสื่อมโทรมของที่ดินส่งผลกระทบต่อผู้คน 3.2 พันล้านคน หรือคิดเป็น 40% ของประชากรของโลก มีการคาดการณ์ว่าสภาพดินที่เสื่อมโทรมทำให้ปริมาณผลผลิตอาหารทั่วโลกลดลง 12% และจะส่งผลให้ราคาอาหารแพงขึ้นถึง 30% ในปี 2583
นอกจากนี้ภายในปี 2573 ผลกระทบจากความแห้งแล้ง และความเสื่อมโทรมของที่ดินที่เปลี่ยนไปเป็นทะเลทราย อาจทำให้ประชากรโลก 135 ล้านคนต้องย้ายถิ่นฐานเพราะวิกฤติจากสภาพภูมิอากาศ ความเสื่อมโทรมของที่ดิน ถือว่าเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและสุขภาพ และกลุ่มคนที่จะย้ายถิ่นฐานคือคนหนุ่มสาวถือเป็นผู้ย้ายถิ่นโดยไม่สมัครใจที่เรียกว่า “ผู้พลัดถิ่นทางสิ่งแวดล้อม” เพราะการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นตัวบังคับให้ต้องอพยพ เนื่องจากไม่สามารถหาเลี้ยงชีพจากที่ดินของตนเองได้ ขณะเดียวความเสื่อมโทรมของที่ดินอาจกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งและความรุนแรง ในกลุ่มเกษตรกร และผู้ทำปศุสัตว์
เศรษฐกิจของโลกกำลังต่อสู้กับภัยแล้งและความเสื่อมโทรมของที่ดิน ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลกประมาณ 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐอาจสูญหายไปในปี 2593 หากความหลากหลายของระบบนิเวศลดลง โดยพื้นที่ทั่วโลกจะสูญเสียพื้นที่ 75 ล้านไร่ จากความแห้งแล้ง ซึ่งสามารถเพาะปลูกพืชได้ 20 ล้านตัน อาจจะนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางอาหารกับผู้คนหลายล้านคน นอกจากนี้ยังพบว่าความเสื่อมโทรมของดินจะเป็นตัวเร่งให้เกิดการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิต 1 ล้านสายพันธุ์
พื้นที่เขตเมืองครอบครองพื้นที่เพียง 3% ของพื้นผิวโลก แต่เป็นที่ที่อยู่อาศัยของผู้คนมากกว่าครึ่งหนึ่ง การอาศัยอยู่ในเขตเมืองมีผลต่อระบบนิเวศ คิดเป็นสัดส่วน 75% ของการใช้พลังงานและทรัพยากรทั่วโลก ก่อให้เกิดขยะมากกว่าครึ่งของโลก และปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 60% ถือว่า มีผลกระทบอย่างมาก ดังนั้นเมืองจึงมีบทบาทอย่างมากในการพื้นฟูที่ดินและสร้างความสมดุลในภาวะแห้งแล้ง
อย่างไรก็ตามการฟื้นฟูดินต้องใช้ความรู้ และความมุ่งมั่นจากคนทุกรุ่น ขณะนี้คนรุ่นแรกที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงจากการเสื่อมโทรมของสภาพแวดล้อม และหวังว่าจะเป็นคนรุ่นสุดท้ายที่จะสร้างสันติภาพให้กับผืนดินในที่สุด ทุกคนเป็น #GenerationRestoration. ได้