ค้นหา

พาณิชย์ เผย ครึ่งปีแรกไทยส่งออก 7 กลุ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้กฏ EUDR ได้ดี

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์
เข้าชม 87 ครั้ง

สนค. ติดตามสถานการณ์ส่งออกสินค้าไทยไปอียูภายใต้ มาตรการ EUDR ของอียู พบการส่งออกสินค้า 7 กลุ่มสินค้าภายใต้มาตรการ EUDR ยังส่งออกได้ดี โดยเฉพาะยางพารา ไม้ และปาล์มน้ำมัน

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า สนค. ได้ติดตามสถานการณ์การส่งออกสินค้าภายใต้กฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า หรือ EUDR (EU Deforestation Regulation) ครอบคลุม 7 กลุ่มสินค้า คือ โกโก้ กาแฟ ถั่วเหลือง ยางพารา ปาล์มน้ำมัน โค และไม้ รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปของสินค้าเหล่านี้ EUDR  

โดยสินค้าไทยไปสหภาพยุโรป (อียู)  พบว่าในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 มูลค่าการส่งออกมีการขยายตัวดี และยังสามารถขยายตัวได้สูงกว่าการส่งออกไปโลก  โดยไทยส่งออกสินค้าที่อยู่ภายใต้มาตรการ EUDR ไปอียู รวมมูลค่า 379.47 ล้านดอลลาร์  (มูลค่าของสินค้าโดยใช้พิกัดศุลกากรตามที่ระบุใน Regulation (EU) 2023/1115) ขยายตัว  49.94%  จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า เรียงลำดับตามมูลค่าการส่งออกสูงสุด ดังนี้

1. ยางพารา 314.82 ล้านดอลลาร์ ขยายตัว  51.67 %

2. ไม้ 49.06 ล้านดอลลาร์  ขยายตัว  24.71 %

3. ปาล์มน้ำมัน 11.85 ล้านดอลลาร์  ขยายตัว 488.80 %

4. โกโก้ 3.56 ล้านดอลลาร์ หดตัว  10.15 %

5. กาแฟ 0.18 ล้านดอลลาร์ หดตัว  6.54  %

6. ถั่วเหลือง 0.001 ล้านดอลลาร์ หดตัว  44.37  %

ส่วนโคเป็นสินค้าที่ไทยไม่มีการส่งออกไปอียู

สำหรับสินค้าส่งออกที่มีมูลค่าสูงสุด 3 อันดับแรก รวมกันคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง  99.01 %  ของมูลค่าการส่งออกสินค้าภายใต้มาตรการ EUDR จากไทยไปอียู (ยางพารา ไม้ และปาล์มน้ำมัน มีสัดส่วน   82.96 %  12.92 %  และ 3.12 %  ตามลำดับ ซึ่งมูลค่าการส่งออกสินค้าทั้ง 3 กลุ่มไปอียู มีการขยายตัวดีกว่ามูลค่าการส่งออกไปโลก ดังนี้ 1.การส่งออกยางพาราไปอียู ขยายตัวถึง 51.67 %  ขณะที่การส่งออกยางพาราไปโลก ขยายตัว 30.86%    2.  การส่งออกไม้ไปอียู ขยายตัว 24.71 %   ขณะที่การส่งออกไม้ไปโลก ขยายตัว 5.48%   และ 3. การส่งออกปาล์มน้ำมันไปอียู ขยายตัว  488.80 %  ขณะที่การส่งออกปาล์มน้ำมันไปโลก หดตัว  20.15 %

พาณิชย์ เผย ครึ่งปีแรกไทยส่งออก 7 กลุ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้กฏ EUDR ได้ดี

แม้ว่าปัจจุบัน การส่งออกกลุ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้กฎหมาย EUDR จากไทยไปอียู ยังมีสัดส่วนไม่มาก เมื่อเทียบกับการส่งออกจากไทยไปโลก มีสัดส่วน  7.65 %  ของมูลค่าการส่งออกไปโลก  แต่การขยายตัวที่ดีแสดงให้เห็นถึงโอกาสและศักยภาพของไทย ที่จะสามารถปรับตัวและส่งออกสินค้าภายใต้ EUDR ไปยังอียูได้มากขึ้นในอนาคต

ทั้งนี้ มาตรการ EUDR จะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 30 ธันวาคม 2567 ซึ่งผู้ประกอบการไทยอาจต้องเผชิญกับต้นทุนในการตรวจสอบย้อนกลับห่วงโซ่การผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จึงจำเป็นต้องวางแผนปรับตัวและเตรียมการให้พร้อม เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ราบรื่นภายใต้กฎระเบียบการค้าใหม่ของอียู การเปลี่ยนแปลงนี้ ไม่เพียงแต่เป็นความท้าทาย แต่เป็นโอกาสที่สำคัญสำหรับไทยที่จะพัฒนาคุณภาพสินค้าและสร้างความยั่งยืนในการทำธุรกิจด้วย

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.bangkokbiznews.com/environment/1145667