ค้นหา

เกษตรกรมืออาชีพ! ปลูกไม้ผล 5 ชนิด ผลผลิตดก เก็บขายได้ตลอดทั้งปี

คุณประเทือง อายุเจริญ/เทคโนโลยีชาวบ้าน
เข้าชม 10 ครั้ง

ภาพของภาคอีสาน ส่วนใหญ่เป็นทุ่งนาโล่งแจ้ง มีต้นไม้ขึ้นสลับบ้าง ฤดูฝนดูเขียวขจีสวยงาม ก่อนเก็บเกี่ยวข้าวมีสีเหลืองอร่ามของทุ่งรวงทอง

ครั้นเข้าสู่หน้าแล้ง อากาศแห้ง แม้แต่น้ำในร่องริมถนนก็เหือดหายไปจนหมด ดูแตกต่างจากภาคอื่นโดยสิ้นเชิง

นั่นเป็นภาพส่วนใหญ่

มีผืนดินของอีสานบางแห่ง อุดมสมบูรณ์ ใกล้เคียงกับภาคตะวันออก

ที่อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีพื้นที่ติดชายแดนกัมพูชาและลาว สภาพของดินสีแดงคล้ายดินอำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี แถบถิ่นนี้จึงปลูกไม้ผลเมืองร้อน จำพวกเงาะ ทุเรียนได้ผลดี

งานสวนของที่นี่พัฒนาอย่างช้าๆ มั่นคง มีผลผลิตตอบสนองคนในท้องถิ่นได้อย่างดี โอกาสต่อไปคงเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากยิ่งขึ้น

คุณไพศาล ยงปัญญา เกษตรกรอยู่บ้านเลขที่ 241 หมู่ที่ 7 ตำบลบุเปือย อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี โทรศัพท์ (094) 274-9931 เป็นเกษตรกรผู้ประสบความสำเร็จในการทำสวนผลไม้มากที่สุดคนหนึ่ง

เขาปลูกไม้ผล 4-5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ ชมพู่ ฝรั่ง มะกอกน้ำ ขนุน มะละกอ ด้วยเหตุนี้จึงมีผลผลิตเก็บจำหน่ายได้ทั้งปี

ชมพู่ทับทิมจันท์ มีปลูก 40 ต้น
ชมพู่ทับทิมจันท์ มีถิ่นกำเหนิดอยู่ประเทศอินโดนีเซีย คุณประเทือง อายุเจริญ นำเข้ามาปลูกอยู่อำเภอโป่งน้ำร้อน จังหวัดจันทบุรี จึงได้ชื่อว่า ทับทิมจันท์  ทั้งนี้ เพราะผิวผลมีสีออกไปทางทับทิม แต่พบว่า ปัจจุบันนี้ มีคนเขียนชื่อพันธุ์ผิดกันพอสมควร เช่น เขียนว่า “ทับทิมจันทร์”

หากเป็นเมื่อก่อน การกระจายพันธุ์อาจจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่การสื่อสารยุคใหม่ พืชพันธุ์ดี กระจายไปยังแหล่งปลูกอย่างรวดเร็ว ที่อื่นมีปลูก ที่อำเภอน้ำยืนก็มีปลูกเช่นกัน

คุณไพศาล ปลูกชมพู่ทับทิมจันท์ 2 ไร่ด้วยกัน จำนวน 40 ต้น ถือว่าชมพู่เป็นไม้ผลที่ซื้อง่าย-ขายคล่อง รสชาติดี ผู้ปลูกขายในราคาไม่สูงก็มีกำไรอยู่ได้ ขณะที่คนกินไม่ต้องควักเงินซื้อในราคาที่แพง

เจ้าของเล่าวิธีการผลิตให้ฟังว่า ปลายเดือนพฤษภาคม เก็บผลผลิต จากนั้นใส่ปุ๋ยคอก จำพวกขี้วัว จำนวน 5 กิโลกรัม ต่อต้น รวมทั้งใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 จำนวน 1 กิโลกรัม โดยใส่ให้ 3 ครั้ง ห่างกัน 1 เดือน การใส่ปุ๋ยสูตรเสมอครั้งสุดท้าย เจ้าของจะใส่สูตร 8-24-24 รวมไปด้วย จำนวน 1 กิโลกรัม เพื่อเตรียมต้นสำหรับออกดอก

ราวเดือนสิงหาคม ชมพู่ทับทิมจันท์ก็จะมีดอกออกมาให้เห็น หลังดอกบาน 14 วัน จึงห่อผล เมื่อห่อได้ 23 จึงเก็บผลผลิต ราคาที่จำหน่ายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35 บาท

ผลผลิตชมพู่ มีออกมาเป็นชุดใหญ่ๆ 3 ชุดด้วยกัน ดังนั้น การใส่ปุ๋ย อาจจะมีขยับบ้างเพื่อให้สอดคล้องกับผลผลิตที่อยู่บนต้น โดยที่ผลผลิตต่อต้น ต่อปี นั้น อยู่ที่ 100-200 กิโลกรัม

ศัตรูของชมพู่ คือแมลงวันทองผลไม้ ช่วงฝนมีระบาดมาก ดังนั้นอาจจะพ่นสารป้องกันกำจัดแล้วห่อ แต่บางฤดูกาลแทบไม่พบเห็นเลย

ปลูกฝรั่ง 3 พันธุ์
ฝรั่งเป็นผลไม้ที่พบเห็นอยู่ทั่วไป สนนราคาสามารถซื้อหาได้ ผลสวยและขนาดใหญ่ราคาอาจจะสูงหน่อย แต่โดยทั่วไปแล้วราคาไม่แพง

เป็นที่ยอมรับในหมู่เกษตรกรว่า หลังจากปลูกต้นลงดินฝรั่งให้ผลผลิตเร็ว ให้ผลผลิตต่อเนื่อง เรียกว่ามีเก็บขายทั้งปีก็ได้ หากพื้นที่ปลูกมาก

คุณไพศาล ปลูกฝรั่ง จำนวน 400 ต้น

พันธุ์ที่ปลูกมีดังนี้

แป้นสีทอง…มีปลูกมานาน ผลขนาดใหญ่ หากดูแลรักษาดีรสชาติจะดีมาก เจ้าของจะห่อเมื่อผลมีขนาดเท่ามะนาว จากนั้นนับไปอีก 60 วัน จึงเก็บผลผลิตได้

กิมจู…เป็นฝรั่งที่ได้รับความนิยมอย่างสูง หากปลูกแล้วน้ำดี ปุ๋ยถึง รสชาติจะเยี่ยมยอดมาก เมื่อห่อ 45 วัน สามารถเก็บผลผลิตได้

เย็น 2…เป็นพันธุ์ฝรั่งที่ไม่ค่อยคุ้นเคยกันนัก จุดเด่นอยู่ที่ให้ผลดก รสชาติกรอบ หลังห่อ 50 วัน จึงเก็บผลผลิตได้ คุณไพศาลบอกว่า มีพันธุ์ฝรั่งแปลกๆ ใหม่ๆ มานำเสนอ แต่เขาจะเก็บรักษาเย็น 2 คู่กับสวนตลอดไป รับรองไม่ทิ้งอย่างแน่นอน

การดูแลฝรั่ง เจ้าของใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ให้ ช่วงที่ต้นไม่มีผลผลิต เมื่อมีผลก่อนเก็บผลผลิตใช้สูตร 13-13-21 บางครั้งหากต้องการคุณภาพและความหวานสูงก็ใส่สูตร 0-0-60 ให้

“ราคาฝรั่งที่ขายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 20 บาท ปัญหาที่พบคือแรงงานห่อ ผมทำงานหลักๆ กับภรรยา 2 คน คุณนิ่มนวล ฝรั่งรายได้รายวัน”

มะละกอ “ดกและใหญ่”
ภาคอีสานบริโภคมะละกอกันมาก โดยเฉพาะทำส้มตำ แหล่งผลิตมะละกอของอีสานที่เหมาะสมมีไม่มากนัก แต่ที่อำเภอน้ำยืน ปลูกมะละกอได้ดี คุณไพศาลคือเกษตรกรที่ปลูกมะละกอได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ

เดิมทีเขาปลูกมะละกอพันธุ์ฮอลแลนด์ สำหรับกินสุก และมะละกอแขกนวล สำหรับทำส้มตำ จากนั้นก็เก็บเมล็ดไว้ทำพันธุ์ แต่ปรากฏว่าผลผลิตที่ได้ไม่เหมือนทั้งฮอลแลนด์และแขกดำ เพราะมีผลขนาดใหญ่กว่า เนื้อแน่น กินได้ทั้งมะละกอสุกและสำหรับส้มตำ

มะละกอของคุณไพศาล เมื่อสุกเนื้อสีแดงส้ม

บางช่วงคุณไพศาลปลูกมะละกอมากถึง 10 ไร่ ส่วนหนึ่งปลูกเป็นพืชแซม

ปลูกขนุน ไม่ต้องพ่นสารเคมี
ขนุน เป็นไม้ผลที่ดูแลรักษาไม่ยาก มีบางช่วงที่ผลผลิตตกต่ำมากๆ ราคากิโลกรัมละ 4-5 บาท แต่เนื่องจากทุกวันนี้ คนรู้จักคุณค่าของขนุน ประกอบกับต่างประเทศ อย่าง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซื้อผลสดไปบริโภค ทำให้ราคาของขนุนขยับขึ้น แหล่งใหญ่ขนุนส่งออกอยู่ที่จังหวัดระยอง และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์

คุณไพศาล ปลูกขนุน จำนวน 60 ต้น มีพันธุ์มาเลเซีย ทองสุดใจ และทองประเสริฐ

ขนุนมาเลเซีย รสชาติอาจจะไม่เด่น หากเก็บผลผลิตในช่วงฝนชุก แต่จุดเด่นอยู่ที่ผลมีขนาดยักษ์ใหญ่ แกะขายได้เงินดีมาก หากให้มีดอกช่วงกลางฝน ไปเก็บผลผลิตช่วงแล้ง จะได้รสชาติดี

ขนุนทองสุดใจ เป็นขนุนเก่าแก่ มีถิ่นกำเหนิดอยู่ตำบลบ้านพระ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี เจ้าของคือ คุณสมปอง ตวงทอง เมื่อก่อนมีขนุนพี่น้องของทองสุดใจ เรียกกันติดปากว่า “ฟ้าถล่ม ทองสุดใจ จำปากรอบ” หากเก็บแก่จัดและกินในเวลาที่เหมาะสม ขนุนทองสุดใจรสชาติดี

สำหรับ ขนุนทองประเสริฐ เป็นขนุนยอดนิยม ที่ระยองและประจวบคีรีขันธ์ ปลูกเพื่อส่งออกไปจีนและเวียดนาม

“ขนุนดูแลไม่ยาก ไม่ต้องฉีดยา ราคาขายโดยทั่วไป กิโลกรัมละ 8-10 บาท…สวนของผมพื้นที่ 28 ไร่ ค่อยๆ เก็บเงินสะสมซื้อมา แรงงานหลักก็มีผมกับภรรยา…พืชอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกแล้วทำรายได้ให้ไม่น้อยคือมะกอกน้ำครับ ปลูกไว้ตามริมสระ ผลผลิตดก และขายได้อย่างคาดไม่ถึง” คุณไพศาล บอก

ราคาขนุน กิโลกรัมละ 8-10 บาท บางผลน้ำหนัก 20 กิโลกรัม ราคาขายตกผลละ 200 บาท ถือว่าไม่น้อย

เกษตรกรที่อำเภอน้ำยืน มีงานเด่นแตกต่างกันไป คุณไพศาล และภรรยา มีไม้ผลเก็บขายตลอดปี แนวทางการขายอย่างหนึ่งที่ช่วยได้มากนั้น คุณนิ่มนวลบอกว่า ทางเฟซบุ๊ก

แชร์ :
ที่มาของเนื้อหา : https://www.technologychaoban.com/agricultural-technology/article_114524