นายสไกร พิมพ์บึง เลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานผลการดําเนินงานและขอปรับปรุงแนวทางการดําเนินงานตามโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กรณีลูกหนี้ธนาคารของรัฐ 4 แห่ง มีรายละเอียดดังนี้
ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565 และ 14 มีนาคม 2566 เห็นชอบให้เกษตรกรสมาชิกกองทุนฯ ซึ่งเป็นลูกหนี้ของธนาคารรัฐ 4 แห่ง ประกอบด้วย ธ.ก.ส. ธอส. ธนาคารออมสินและธนาคารเอสเอ็มอี ได้สิทธิ์ปรับโครงสร้างหนี้โดยมีกลุ่มเป้าหมายจำนวน 50,621 ราย ภายใต้กรอบงบประมาณชดเชยไม่เกิน 15,481 ล้านบาท โดยมีเกษตรกรยืนยันเข้าร่วมโครงการแล้ว 29,193 ราย ไม่ใช้สิทธิ์ 21,428 ราย ไม่ประสงค์ร่วมโครงการ 9,767 ราย ย้ายภูมิลําเนา และไม่สามารถติดต่อได้ 2,827 ราย และไม่มาแสดงตน 8,834 ราย ซึ่งขณะนี้เกษตรกรได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แล้ว 14,638 ราย
ประกอบกับมีปัญหาการดำเนินงาน จึงเสนอคณะรัฐมนตรี ในการประชุมวันที่ 11 ธันวาคม 2567 เพื่อปรับปรุงถ้อยคํา ให้สามารถดําเนินโครงการได้อย่างชัดเจน และให้เกษตรกรสามารถทําสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ได้ภายใต้กรอบเวลา 15 ปี จํานวน 2 เรื่อง ดังนี้
1. ระยะเวลาการบังคับคดีคงเหลือน้อยกว่า 1 ปี ให้สามารถดำเนินการต่อไปได้ รวมถึงกรณีฟ้องร้องดําเนินคดี พิพากษา บังคับคดีขายทอดตลาด ทั้งที่จะครบระยะเวลาการบังคับคดี หรือพ้นระยะเวลาการบังคับคดีไปแล้ว ให้เกษตรกรได้สิทธิการทําสัญญาตามกรณีไป ทั้งนี้ หากเกษตรกรได้ทําสัญญา 15 ปี จะสามารถฟื้นฟูตนเองได้และสามารถชําระหนี้ได้ด้วยตนเองตามกรอบเวลาของสัญญา
2. หากเกษตรกรไม่สามารถชําระหนี้ได้ตามสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ กรณีมีเหตุผลความจําเป็น ให้สามารถนําไปสู่การแก้ปัญหาให้สําเร็จตามเจตนารมณ์ของมติ ครม. และกฎหมาย โดยให้ กฟก. ร่วมกับเจ้าหนี้ธนาคารรัฐ กําหนดหลักเกณฑ์การชําระหนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ที่คณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกรกําหนด และให้ กฟก. จัดทําแผนการจ่ายเงินรวมถึงเงินชดเชยที่ต้องจ่ายให้เจ้าหนี้ในคราวเดียวกันตามแผนงบประมาณที่ได้รับจัดสรรจากรัฐบาล
นอกจากนี้ ครม. ยังได้มีมติเห็นชอบให้เกษตรกรที่ประสงค์เข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม จํานวน 16,794 ราย และที่แจ้งเพิ่มเติมภายหลังที่มีคุณสมบัติขึ้นทะเบียนหนี้กับ กฟก. ครบถ้วนแล้วและเป็นหนี้ NPL ตามเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกําหนด ให้ได้รับสิทธิเข้าร่วมโครงการทดแทนเกษตรกรกลุ่มเป้าหมายเดิมที่ไม่ใช้สิทธิ์และไม่ประสงค์ร่วมโครงการ (21,428 ราย) โดยไม่เกินจากกรอบงบประมาณชดเชย จํานวน 15,481,657,199.77 บาทตามที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2566 และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหารือร่วมกันในการกําหนดแนวปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรี และเร่งรัดดําเนินการให้แล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาดําเนินโครงการภายใน 3 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 22 มีนาคม 2568 นี้ ตามที่คณะรัฐมนตรี ให้ความเห็นชอบ เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2565