“วัชพืช” หรือพืชที่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติในไร่และสวน อาทิ ผักยาง ผักโขม หญ้าตีนนก หญ้าแพรก และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าพืชเหล่านี้ล้วนแล้วไม่เป็นที่ต้องการ และจำเป็นต้องกำจัดทิ้งเสียทุกครั้งที่มันขึ้นมากวนใจ แต่ก่อนที่จะกำจัดวัชพืชเหล่านี้ทิ้งไป เทคโนโลยีชาวบ้าน ชวนมาดู 5 วัชพืช ที่สามารถเก็บมารับประทานได้ แถมยังเปี่ยมไปด้วยสรรพคุณนานัปการ
1. ส้มกบ

ส้มกบคือ วัชพืชขนาด 2-3 นิ้ว มักเลื้อยปกคลุมหน้าดิน ลักษณะใบเป็นรูปหัวใจ โดยมีสรรพคุณในการให้สารอาหารอันเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น กรดมาลิก กรดซิตริก แคลเซียม วิตามินซีและแคโรทีน ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยในการย่อยอาหาร รักษาโรคนอนไม่หลับ แก้อาการหวัดและรักษาโรคดีซ่าน
วิธีรับประทาน
ใบของส้มกบนั้น จะให้รสเปรี้ยว หวานและเค็ม จึงสามารถนำมาใช้แทนน้ำมะขามเปียกในเมนูต่างๆ ได้ หรือจะนำใบอ่อนและยอดอ่อนมาปรุงอาหารก็ได้เช่นเดียวกัน แต่ไม่ควรรับประทานต่อเนื่อง เนื่องจากกรดออกซาลิกที่อยู่บริเวณใบของต้นส้มกบอาจสร้างพิษให้กับร่างกาย เมื่อบริโภคได้ปริมาณมากหรือติดต่อกันหลายวัน
2. วอเตอร์เครส

วอเตอร์เครส หรือชื่อที่คุ้นหูอย่างสลัดน้ำ เป็นพืชใบเขียวในตระกูลดอกกะหล่ำ มีรูปร่างคล้ายใบบัวบก โดยในวอเตอร์เครสนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี แคลเซียม ธาตุเหล็ก สารต้านอนุมูลอิสระ อีกทั้งยังมีสารช่วยในการยับยั้งและป้องกันการเกิดมะเร็งและสารพิษที่เข้าสู่ร่างกายด้วยเช่นกัน
วิธีรับประทาน
สามารถรับประทานได้หลากหลายเมนู ไม่ว่าจะนำไปผัด ต้มหรือแกง โดยการรับประทานวอเตอร์เครสเพียง 10 ยอดต่อมื้อ ก็จะสามารถทำให้ร่างกายได้รับสารอาหาร ทั้งวิตามินซีและวิตามินเอ ตลอดการสร้างภูมิต้านทานโรคต่างๆ ให้กับร่างกาย
3. ธูปฤาษี

ธูปฤาษีหรือไม้ล้มลุกตระกูลกก มีใบเรียวยาวและออกดอกแน่นติดกันในลักษณะแท่งสีน้ำตาล คล้ายธูป มักขึ้นบริเวณริมน้ำ เช่น ทะเลสาบ หนองน้ำหรือริมคลอง โดยมีคุณสมบัติในการบำบัดน้ำเสียและรักษาการพังทลายของหน้าดิน อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการขับปัสสาวะและเพิ่มน้ำนมให้กับผู้มีครรภ์อีกด้วย
วิธีรับประทาน
โดยส่วนมากแล้วจะนิยมนำลำต้นอ่อนสีขาวที่อยู่ใต้ดินของธูปฤาษีมารับประทาน นิยมทำเมนูแกงเผ็ดหรือเมนูที่มีรสจัด และก่อนที่จะนำมาประกอบอาหารควรขัดและลอกเปลือกด้านนอกของลำต้นออกเสียก่อน
4. ผักกาดน้ำ

ผักกาดน้ำ เป็นพืชล้มลุกที่มักขึ้นซ้อนกันเป็นกอขนาดเตี้ยและมีลำต้นสีเขียวอมแดง มีใบเรียวยาวขึ้นสลับกันรอบๆ ลำต้นและมีดอกเล็กๆ ขึ้นบริเวณปลายยอด มีสรรพคุณในการแก้อาการปวดฟัน แก้หนองในและมีฤทธิ์เป็นยาระบาย
วิธีรับประทาน
ส่วนใหญ่นิยมนำผักกาดน้ำมาแปรรูปเป็นผักดอง แต่ด้วยรสชาติที่ติดเปรี้ยว จึงสามารถนำมาใช้แทนมะนาวหรือมะขามเปียกได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ควรที่จะรับประทานผักกาดน้ำมากเกินไป เนื่องจากในผักกาดน้ำมีกรดซาลิกที่เป็นพิษต่อร่างกาย
5. ผักเบี้ยใหญ่

ผักเบี้ยใหญ่ ผักในตระกูลคุณนายตื่นสาย เป็นพืชล้มลุกที่มักขึ้นเพื่อปกคลุมและให้ความชื้นกับดิน มีใบโค้งมนและมีขนาดเล็ก และแม้ว่าผักเบี้ยใหญ่จะมีชื่อว่า “ใหญ่” แต่ต้นกลับไม่ได้ใหญ่ตามชื่อ ผักเบี้ยใหญ่ถือเป็นวัชพืชที่มีขนาดเล็ก หากแต่กลับมากไปด้วยกากใยและวิตามิน รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระและกรดไขมันโอเมก้า 3 ช่วยในการลดคอเลสเตอรอล ควบคุมความดัน ลดการแข็งตัวของหลอดเลือด สามารถใช้เป็นยาเพื่อรักษาลำไส้อักเสบ แก้ต่อมน้ำเหลืองอักเสบ รักษาไส้ติ่งอักเสบและป้องกันโรคบิด
วิธีรับประทาน
สามารถนำใบ ลำต้นและดอกมารับประทานสดๆ ได้ หรือสามารถนำมาผัด ทำผักดอง ผสมกับส่วนผสมอื่นๆ หรือทำสลัดก็ได้เช่นเดียวกัน